ส่งท้ายปีเก่า 2025 ต้อนรับปีใหม่ 2026 กับหลายเรื่องหลายอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวผมในปีนี้…………..

สำหรับครั้งนี้ ก็อยากเริ่มต้นด้วยการบอกว่า…….

ดีใจเป็นอย่างมาก

ดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ดีใจเป็นอย่างที่สุด

และก็ดีใจจริงๆ

ที่ปี 2025 ใกล้เข้ามาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว และเหลืออีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ปี 2026 (เลขโรมันก็คือ MMXXVI)

และผมขอย้ำอีกครั้งว่าที่ได้บอกไปข้างต้นเป็นความรู้สึกจากใจผมจริงๆ ไม่มีการโกหกใดๆนะ : )

**รูปถ่ายของตัวผมเองด้านล่างนี้ ผมถ่ายบริเวณภายนอกสถานโตเกียว จากทริปญี่ปุ่นล่าสุดเมื่อปี 2024**

เหมือนกับปีก่อนๆ บล็อกส่งท้ายปีนี้ผมก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะเขียนบอกตรงนี้ แต่ปีนี้ผมก็เลือกไม่ถูกว่าจะเขียนอะไรก่อนดี เอาเป็นว่าผมขอเขียนตามนี้ก็แล้วกัน…..

อย่างแรกเลย ผมต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ผมได้เขียนเรื่องต่างๆลงในบล็อกส่วนตัวของผมน้อยกว่าปีก่อนๆเป็นอย่างมากอย่างเห็นได้ชัดเจน ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ข้อ…

ข้อแรกคือ ภาระหน้าที่การงานส่วนตัวหลายเรื่องหลายอย่างของผมที่ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยรายละเอียดผมขอสงวนที่จะไม่บอกตรงนี้ด้วยเหตุผลส่วนตัว ส่วนข้อสองคือ สุขภาพส่วนตัวของผม โดยผมยอมรับว่าปีนี้ผมรู้สึกว่าเวลาจะทำอะไรบางอย่างก็จะรู้สึกเหนื่อยและต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผมต้องหาเวลาพักผ่อนให้เยอะขึ้นกว่าเดิม และลดการทำอะไรต่างๆที่ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจให้น้อยลง ซึ่งการเขียนบล็อกก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจละกันว่าทำไมจำนวนเรื่องในปีนี้ที่ผมได้เขียนน้อยลงกว่าปีก่อนๆ และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเรื่องต่างๆในปีนี้ที่ผมได้เขียนอาจไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากเท่าไหร่นะ

และส่วนในปีหน้า ถ้าผมไม่ติดธุระ, ภาระส่วนตัวหรือเรื่องสุขภาพ ผมก็พยายามที่จะเขียนเรื่องต่างๆให้มากขึ้นเท่าที่ผมพอไหว อย่างน้อยทุกเรื่องในปีนี้ผมเขียนด้วยตัวเองทั้งหมด (และไม่ใช่ AI ในการช่วยเขียนนะ)

สำหรับภาพรวมในชีวิตของผมในปี 2025 ผมต้องยอมรับว่าปี 2025 เป็นปีที่ผมได้เจอเรื่องต่างๆที่ทั้งดีและไม่ดีบ้าง อีกทั้งก็เป็นปีที่ทดสอบอารมณ์หลากหลายของผม แต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ชีวิตของผมได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เพียงแต่ทำให้ผมต้องระมัดระวังมากขึ้นและไม่ประมาทในการใช้ชีวิต

โดยเฉพาะเรื่องที่ใหญ่ที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อผมอย่างมากในปีนี้ ก็คือเรื่องที่ญาติสนิทของผมโดนมิจฉาชีพให้หลอกโอนเงิน (หรือที่เรียกกันว่า สแกมเมอร์) ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดผมเคยได้เขียนลงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (สามารถไปอ่านกันได้เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์) และผมจะไม่เขียนซ้ำตรงนี้อีก มีเพียงแค่ญาติของผม (ที่โดนหลอก) กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามปกติแล้ว

ส่วนเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้นกับกับผมในปีนี้ ผมขอสรุปรวบรัดแบบง่ายๆ มีทั้ง…..

เรื่องที่ผมเพิ่งจะทำได้สำเร็จในปีนี้

เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมแบบไม่ได้ตั้งใจ

เรื่องที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่า “รอคอย” และ “อดทน”

เรื่องที่ทำให้ผมได้กล้าลองและตัดสินใจทำอะไรใหม่ๆ

เรื่องที่ทำให้ผมได้รู้นิสัยที่แท้จริงของคนบางคนที่ผมเจอ

หรือแม้แต่เรื่องที่ผมได้ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นครั้งแรกในชีวิตแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ ซึ่งก็คือการที่ผมได้เขียนจดหมายไปหาคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบมานาน แต่ผมไม่ขอบอกว่าเป็นใครนะ : )

ไม่ว่าแต่ละเรื่องจะเป็นแบบใด ทุกเรื่องที่ผมประสบและเจอผ่านมาในปีนี้ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากยิ่งขึ้น เรื่องไหนที่ไม่เคยรู้ ก็จะได้รู้ ส่วนเรื่องไหนที่เคยรู้แล้ว ผมก็ได้ถือโอกาสทบทวนอีกครั้งนึง

มาถึงเรื่องต่างๆบนโลกใบนี้ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2025 จากมุมมองของผม ผมอยากจะบอกว่านี่เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่องหลายอย่างอย่างเห็นได้ชัดในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ, ปัญญาประดิษฐ์ (หรือ AI), ความสัมพันธ์และสถานการณ์ระหว่างประเทศ, ความคิดต่างๆที่หลากหลายของผู้คนในสังคม หรือแม้แต่เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ตรงนี้ ผมจะขอยกเพียงแค่ 3 เรื่องที่อยากจะเขียน ได้แก่ เศรษฐกิจ, ปัญญาประดิษฐ์ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ

เรื่องเศรษฐกิจ ผมอยากจะบอกจากใจจริงว่าปีนี้ก็เป็นอีกปีนึงที่ผมมองว่าภาพรวมในเรื่องเศรษฐกิจเป็นอะไรที่ค่อนข้างซึมๆ ไม่ค่อยมีความคึกคักมากเหมือนแต่ก่อน (ถ้าจะเทียบระหว่างช่วงที่เกิดโควิด ผมรู้สึกว่าตอนนี้ยิ่งแย่ลงกว่าอีก) คือผมมองว่าผู้คนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย

ยิ่งมีข่าวเรื่องของการปรับขึ้นราคาสินค้าก็ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดมากขึ้นไปอีก สินค้าอะไรที่ไม่จำเป็นก็ยังไม่ซื้อ ส่วนสินค้าอะไรที่จำเป็นในชีวิตก็ต้องซื้อแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยราคาที่สูงขึ้นบวกกับเรื่องของเงินเฟ้อ

นี่ก็ยังไม่นับถึงประเด็นเรื่องสงครามการค้าที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคเป็นทอดๆ (รวมไปถึงนักลงทุน) ขึ้นอยู่กับว่าจะมากน้อยแค่ไหน ส่วนใครที่ได้รับผลกระทบน้อยหรือแทบไม่ได้รับเลยก็อาจพอโชคดีในระดับนึง สำหรับผมเองก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ไม่มาก

แต่ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะในประเทศหรือทั่วโลก สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือวางแผนในเรื่องการเงิน ทั้งรายรับรายจ่าย รวมไปถึงการวางแผนลงทุนในระยะยาว (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แล้วแต่ความถนัด) เพื่อที่จะอยู่รอดได้ในอนาคตทั้งปีหน้าและปีถัดๆไป รวมถึงเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจในอนาคตที่จะเกิดขึ้น (ผมได้ยินมาว่าปี 2026 ก็จะยังเจอสภาวะเหมือนปี 2025 และอาจจะยิ่งแย่ไปกว่านี้อีก แต่ก็อย่าประมาท)

 เรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (ที่ชื่อเต็มๆก็คือ Artificial Intelligence) ที่ผมอยากจะบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ AI มีบทบาทมากยิ่งขึ้นบนโลกใบนี้ที่ส่งผลให้หลายๆคนใช้ AI มากขึ้น (รวมไปถึงตัวผมด้วยที่ใช้ AI มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆมา) ด้วยความสามารถของมันทำหน้าที่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน, การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ, การเป็นที่ปรึกษา, การให้ความรู้, การสรุปข้อมูลให้สั้นลง หรือแม้แต่การตัดสินใจเรื่องต่างๆ และผมก็เห็นด้วยว่า AI เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ถึง AI จะมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตก็จริง แต่ต้องมีกรอบกำหนดในการใช้ให้เหมาะสมและถูกวิธี ไม่ใช้แบบสะเปะสะปะแบบต้องไม่คิดอะไรมาก หรือพึ่ง AI มากเกินไปเพราะไปฟังจากคนโน่นหรือคนนี้ว่าต้องทำอย่างนั้นหรืออย่างนี้เท่านั้นๆ คือต้องมีการหาจุดสมดุลในการใช้ AI ให้เหมาะสม ไม่ใช่เอาแบบสุดโต่งไปเลยนะ (แบบนั้นน่าเป็นกังวลมาก)

อีกทั้งก็ต้องไม่ลืมว่า ถึง AI จะมีประโยชน์และช่วยลดแรงงานมนุษย์ได้ก็จริง แต่ทักษะงานและฝีมือของมนุษย์บางอย่างก็ยังจำเป็นอยู่และยิ่งจำเป็นอีกด้วยในยุคของ AI เพราะ ณ ขณะนี้ผมยังมองว่าอาชีพบางอย่างที่ผมเห็นในชีวิตประจำวันยังต้องใช้แรงงานคนอยู่เลย (ที่นึกขึ้นได้ก็คืองานช่างในบ้าน ที่ต้องอาศัยฝีมือในการสร้างหรือซ่อมแซมส่วนต่างๆ) และต้องดูความเหมาะสมกับบริบทและเนื้องานแต่ละอย่างด้วย ไม่ใช่ว่าอะไรๆก็โยนให้ AI หมด

และเรื่องสุดท้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ คือผมคงจะไม่ต้องลงรายละเอียดมาก เพราะเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้จากปีก่อนๆ แต่สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ เรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อม

อย่างปีนี้ที่เห็นได้ชัดก็คือแผ่นดินไหวเมื่อตอนมีนาคมที่ผ่านมา ที่สร้างความเสียหายมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆในหลายรอบปี ผมยอมรับว่าตอนที่เกิดเหตุ ผมไม่ได้รับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเลย แต่ก็ได้รีบโทรไปหาญาติที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทราบมาว่าปลอดภัยดี

และรวมไปถึงเรื่องน้ำท่วมทางตอนใต้ที่หนักที่สุดในหลายรอบสิบปีที่ส่งผลกระทบต่อหลายชีวิตที่อาศัยอยู่ ซึ่งผมก็ได้ร่วมส่งเงินบริจาคให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งก็ขอส่งกำลังใจให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ผมจะนึกถึงเสมอว่า ภัยพิบิติทางธรรมชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และจงอย่าได้ดูถูกพลังของภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นอันขาด

ซึ่งก็คงจะมีแค่นี้สำหรับ 3 เรื่องที่ผมอยากจะเขียนจากมุมมองของผมในปีนี้นะ

ส่วนเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากนี้ที่ผมจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ เรื่องการไปเที่ยวญี่ปุ่นของผมในทริปถัดไป ต้องบอกก่อนว่าปีนี้เป็นปีที่ผมไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น (ที่ไม่ได้เกิดจากสถานการณ์โควิด) ด้วยเหตุผลที่ผมเคยได้บอกไปเมื่อปีที่แล้ว ก็คือผมอยากจะพักจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นไปสักระยะหนึ่ง (อาจจะด้วยเรื่องสุขภาพ) รวมไปถึงเรื่องส่วนตัวต่างๆของผมที่อยากจะจัดการให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย

โดยในปี 2026 ผมยังไม่กล้าตอบว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไม่ เพราะในขณะที่ผมกำลังเขียน ผมยังไม่มีแผนใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่ลิสต์รายชื่อสถานที่ที่อยากจะไป (โดยอาศัยจากการหาข้อมูลและจากใบโบรชัวร์ต่างๆที่ผมได้มาจากงานเที่ยวญี่ปุ่นที่ผมได้ไปมาตอนเดือนพฤศจิกายน) รวมไปถึงการทยอยแลกเงินเยนญี่ปุ่นที่ตอนนี้ยิ่งอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆในรอบหลายปีแบบที่ผมแทบไม่เคยเจอเลย (ที่ตอนนี้ 20 บาท แลกได้ 100 เยน) และอย่าลืมว่าปีหน้าญี่ปุ่นจะปรับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการ

อีกทั้งตอนนี้การจองโรงแรมที่พักในญี่ปุ่นสามารถจองล่วงหน้าได้เป็นปี อย่าง Toyoko Inn ที่ผมไปพักเป็นประจำ ถ้าจะจอง ผมต้องมานั่งคิดและวางแผนล่วงหน้ายาวๆหลายเดือนเลย

แต่ที่พอจะบอกได้ในตอนนี้คือหนึ่งในลิสต์สถานที่ที่ผมอยากจะไปก็คือ สถานี JR Hitachi ที่ตัวสถานีมีจุดให้ชมวิวทางฝั่งทะเล (ลองไปค้นหาดูบน YouTube ได้) ส่วนจะได้ไปหรือไม่ได้ไปนั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีนึง

ถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่ติดขัดและตัวผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวทริปญี่ปุ่นครั้งถัดไปจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน : )

นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องนึงที่ผมอยากจะทิ้งท้าย ที่ผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะต้องเจอมาบ้างในปีนี้ ซึ่งเกี่ยวกับการรับและการเสพข้อมูลเนื้อหาต่างๆจากโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาบางเรื่องจากโซเชี่ยลมีเดียที่ปรากฏขึ้นมาให้เราอ่านแบบที่เราไม่ได้อยากจะอ่าน

พูดง่ายๆคือ เรื่องที่เราไม่ได้สนใจที่อยากจะติดตามบนโซเชี่ยลมีเดียดันปรากฏขึ้นมาให้เราอ่าน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม (คิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อถึงนะ)

ผมขอไม่ลงรายละเอียด แต่ผมจะขอเขียนสรุปเป็นอย่างนี้ว่า……

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีครีเอเตอร์บนโลกออนไลน์มากกว่าแต่ก่อน แต่เราในฐานะผู้รับสารก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกติดตามและเสพเนื้อหาที่เราคิดว่าเหมาะสมและมีประโยชน์ต่อตัวเราด้วย อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องหรืออะไรที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ ให้ตัดออกไป

อีกทั้งก็ไม่ใช่ว่าไปเชื่อทุกอย่างบนออนไลน์หมด เวลาที่อ่านหรือฟังจบแล้วก็ต้องมานั่งคิดและวิเคราะห์อีกทีว่าสิ่งที่อ่านหรือฟ้งไปนั้นมันสมเหตุสมผล, ข้อมูลมีน้ำหนักเพียงพอ และสามารถนำไปใช้ได้จริงหรือไม่

ถ้าเรารู้สึกว่าเนื้อหานั้นมันไม่สมเหตุสมผล เราก็มีสิทธิ์ที่จะข้ามเนื้อหานั้นไปได้เลย โดยที่ไม่ต้องกลับมาสนใจหรือเหลียวแลอีก แต่ถ้าเนื้อหานั้นมันสมเหตุสมผล เราก็นำมาต่อยอดหรือปรับใช้ในชีวิตของเรา แค่นั้น

มีเพียงเท่านี้แหละที่อยากจะบอก

ท้ายสุดนี้ ผมอยากจะบอกว่า….

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน อย่างน้อยบทเรียนต่างๆในปี 2025 ที่ผมได้รับก็น่าจะเป็นเกราะคุ้มครองได้ในระดับนึงที่จะฝ่าฟันอุปสรรคและสิ่งต่างๆในปี 2026 (และปีที่เหลือในทศวรรษ 2020 นี้ ที่เหลืออีกแค่ 4 ปีเท่านั้น) ไปอย่างสวัสดิภาพด้วยดี

แม้บางคนจะมองว่าในหนึ่งปีมันดูช่างยาวนัก ผมกลับมองว่ามันก็แค่แป๊บเดียว ไม่ทันไรก็จะหมดไปอีกปีแล้ว (คือยิ่งอายุมากขึ้น ก็จะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว) และผมก็รู้สึกดีใจจริงๆที่ช่วงเวลานี้ได้มาถึง ตามที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ต้น

และไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ทำให้หลายคนต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป แต่ละคนก็มีสิทธิ์เลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่แต่ละคนต้องการ

อย่างน้อยปีนี้ ผมก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่เคยคิดที่จะทำ แต่ก็ทำลงไปแล้วในที่สุด และเมื่อมาย้อนกลับมาดู ผมก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ได้ทำสิ่งนั้นลงไป

คงมีเพียงเท่านี้แหละ : )

!Happy New Year 2026!

และพบกันใหม่อีกทีในปี 2026 ครับ

_________________________________________