สำหรับใครที่ชื่นชอบหรือเป็นแฟนคลับของการ์ดแคปเตอร์ซากุระไม่ว่าจะเป็นทั้งมังงะหรืออนิเมะก็คงจะรู้ว่าตอนนี้ได้มีงานนิทรรศการของการ์ดแคปเตอร์ซากุระที่มีชื่อว่า “Cardcaptor Sakura: The Enchanted Museum” ซึ่งจัดที่ Mori Arts Center Gallery ในตึก Mori Tower ที่ Roppongi Hills ในโตเกียว โดยงานนิทรรศการนี้ได้เปิดให้คนเข้าชมเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา
ซึ่งตัวผมเองก็ได้มีโอกาสที่ได้ไปชมงานนิทรรศการนี้ด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวผมเองก็ชอบการ์ดแคปเตอร์ซากุระเป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อเรื่องและตัวละครต่างๆ (โดยเฉพาะเจ้าสปิเนลซัน หรือชื่อที่เรียกกันง่ายๆว่า ซุปปี้นั่นเอง : ) แต่เจ้านี่มันแพ้ขนมหวานนะ) รวมถึงภาพวาดประกอบเนื้อเรื่องที่เป็นฝีมือของ CLAMP อีกด้วย
ดังนั้น เพื่อให้คนที่ยังไม่เคยไปชมหรือคนที่กำลังจะไปชมนิทรรศการนี้ได้รู้ว่านิทรรศการนี้มีอะไรบ้าง ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร ซึ่งบอกได้เลยว่าใครที่เป็นแฟนคลับตัวยง บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง!!
เริ่มจากการซื้อบัตรเข้าชมงานซึ่งจะอยู่ที่ราคา 1900 เยน และก็จะมีราคาสำหรับเด็กนักเรียนซึ่งจะถูกกว่า และไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่พาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 52 ซึ่งเป็นชั้นที่จัดนิทรรศการนี้ ซึ่งก็จะมีป้ายชี้บอกว่านิทรรศการอยู่ทางไหน ส่วนใครที่มีสัมภาระเยอะก็สามารถฝากได้ที่ตู้เก็บกระเป๋า (อันนี้ใช้แค่เหรียญ 100 เยน เหรียญเดียวหยอดเข้าไป แต่ว่าตู้จะคืนเหรียญให้เมื่อจะเอากระเป๋าออก ใครที่ไม่รู้ว่าจะแลกธนบัตรเป็นเหรียญ 100 เยนยังไง ก็ไปอ่านได้จากตรงนี้นะ)
ก่อนที่จะเข้าไปชมข้างในของนิทรรศการ ผมได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถถ่ายรูปได้ไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าถ่ายได้ แต่ว่าจะมีบางจุดที่จะถ่ายไม่ได้โดยจะมีป้ายบอกตามจุดว่าตรงไหนถ่ายไม่ได้ ดังนั้นก็ดูให้ดีก่อนถ่ายรูปละกัน
นอกจากนี้ ทางงานก็ได้มีให้บริการเครื่อง Audio Guide ไว้สำหรับคนที่ต้องการฟังคำบรรยายในนิทรรศการแต่ละจุด(ซึ่งก็จะเป็นเสียงของเคโระจัง, ซากุระ และเชารัน แต่ว่าเป็นแต่ภาษาญี่ปุ่นนะ ราคาค่าบริการอยู่ที่ 800 เยน) ซึ่งวิธีใช้ก็กดปุ่มตัวเลขจากป้ายที่บอกในแต่ละจุดและกดปุ่ม PLAY ยังไงเจ้าหน้าที่ก็จะสอนวิธีใช้ก่อนเข้าชมนะ
เข้าไปชมข้างในนิทรรศการดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง……
(ก่อนอื่นต้องบอกว่าใครที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นหรือไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ไม่ต้องห่วง เพราะว่างานนี้ภาษาที่เป็นคำอธิบายต่างๆตามจุดจะมีอยู่สามภาษา ซึ่งก็คือภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เป็นผม ผมต้องใช้ภาษาอังกฤษ)
เริ่มต้นจากป้ายคำกล่าวต้อนรับจากผู้จัดงาน
และก็มาถึงจุดแรกที่เห็นก็จะห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือขนาดใหญ่ที่ข้างหลังจะเป็นคำอธิบายต่างๆเกริ่นนำเกี่ยวกับความเป็นมาของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแก่นของเรื่อง, แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละคร, ชุดคอสตูมที่ซากุระใส่ รวมไปถึงการตีพิมพ์มังงะเป็นฉบับภาษาอื่นๆด้วย
แต่ข้อความที่ผมชอบมากที่สุดก็คงเป็นอันนี้ (ไม่ขอแปลละกันนะ)
***และระหว่างที่เดินผ่านแต่ละจุดของนิทรรศการนั้น ก็จะมีจุด Tomoyo Finder ซึ่งจะเป็นช่องให้เราส่องเข้าไปดูภาพจากมุมมองของโทโมโยะที่(อาจจะแอบ)ถ่ายภาพเก็บไว้ ซึ่งภาพเหล่านี้จะไม่มีอยู่ในมังงะเลย จะเรียกว่าเป็น Unseen ก็ได้นะ จะมีอยู่ทั้งหมดสี่จุดในนิทรรศการ (ซึ่งถ่ายรูปไม่ได้นะ) ลองส่องผ่านช่องเข้าไปดูว่าเป็นอะไร แต่ใบ้ได้ว่าเกี่ยวกับซากุระและเชาหลัน***
จากนั้นก็จะเข้าไปสู่ห้อง Special Theater เป็นหนังสั้นๆ ที่มีเคโระจังเป็นผู้อธิบายเกี่ยวกับการ์ดต่างๆ (แต่ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ แต่ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร อาจจะพอรู้ว่าเคโระจังต้องการสื่อถึงอะไร) ซึ่งจุดนี้ถ่ายรูปไม่ได้นะ
เสร็จจากการดูหนังสั้นๆ ก็จะเข้าสู่โซนต่างๆตามชื่อของการ์ดที่ซากุระจับได้ในเนื้อเรื่อง ซึ่งแต่ละห้องก็จะแสดงสิ่งของต่างๆ ตามชื่อของการ์ดนั้นๆ
เริ่มจาก….
Room of The Flowers
ซึ่งโซนนี้จะแสดงถึงดอกไม้ต่างๆ ที่อยู่ในเนื้อเรื่องของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ ซึ่งดอกไม้แต่ละชนิดก็จะมีชื่อของมันพร้อมทั้งบอกความหมายของมันด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถหยิบสติ๊กเกอร์ดอกไม้ที่ทางงานจัดไว้ให้ มาแปะประดับตกแต่งให้ห้องนี้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
มีคนก็แปะสติ๊กเกอร์ดอกไม้ลงพื้นอีกด้วย
สำหรับดอกไม้ชนิดนี้ คงไม่ต้องบอกว่าสื่อถึงใคร??? แถมผู้เข้าชมงานทั้งหลายก็ช่วยกันแปะสติ๊กเกอร์ดอกไม้รวมๆให้เป็นรูปหัวใจอีกด้วย : )
The Siege Atelier of Tomoyo
โซนนี้ก็จะโชว์ชุดคอสตูมต่างๆขนาดจริงที่ซากุระได้ใส่ในเวลาที่จะออกไปจับการ์ดต่างๆ ซึ่งชุดคอสตูมพวกนี้ ผู้ที่ตัดชุดให้ซากุระก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก โทโมโยะนั่นเอง!! ซึ่งชุดต่างๆที่นำมาแสดงก็จะเป็นชุดเด่นๆที่ปรากฏอยู่ในตอนที่สำคัญของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ซากุระเผชิญหน้ากับยูเอะเป็นครั้งแรก หรือตอนที่ซากุระเปลี่ยนโคลว์การ์ดใบสุดท้ายให้เป็นซากุระการ์ด
เห็นชุดคอสตูมขนาดจริงเหล่านี้ ก็อดใจไม่ได้ที่ต้องบอกว่าโทโมโยะรักและแคร์ซากุระเป็นอย่างมาก เพราะอุตส่าห์นั่งตัดชุดเหล่านี้ให้ซากุระได้ใส่ (ลองคิดสิว่าแต่ละชุดที่เธอตัดให้ซากุระใช้เวลานานเท่าไหร่) แถมแต่ละชุดก็ไม่ซ้ำกันอีกด้วยเวลาที่จะออกไปจับการ์ด ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ
Room of The Maze
โซนนี้น่าจะโซนที่อาจจะใช้เวลาในการดูมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะโซนนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น The Maze ทางเดินของโซนนี้ก็จะเลี้ยวไปเลี้ยวมาเหมือนเขาวงกต ซึ่งในโซนนี้จะแสดงถึงความสัมพันธ์ของตัวละครและมุมมองต่างๆในเรื่องผ่านจากรูปกรอบหน้าต่างๆในหนังสือมังงะที่เราอ่านกัน แถมกรอบแต่ละอันยังบอกด้วยว่าตีพิมพ์ในปีไหน โดยรูปกรอบเหล่านี้เป็นภาพวาดต้นฉบับของ CLAMP ซึ่งในบางส่วนก็จะมีรอยแก้ไขของภาพวาดเช่น รอยลิควิด, กระดาษแปะทับ หรือแม้แต่รอยแก้ด้วยดินสอ
แต่สิ่งที่ผมจำเป็นต้องบอกก็คือ โซนนี้ถ่ายรูปไม่ได้นะ =__=
ถ้าอยากจะรู้ว่าโซนนี้เป็นอย่างไร ก็ไปดูเอาเองละกัน
***ที่สำคัญ โซนนี้จะมีการปรับเปลี่ยนการจัดแสดงไม่เหมือนกันอยู่สองช่วง ซึ่งช่วงแรกจะจัดแสดงตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2018 ถึง 30 พฤศจิกายน 2018 ส่วนอีกช่วงก็จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2018 ถึง 3 มกราคม 2019***
แต่จะบอกให้ว่ารูปนี้เป็นหนึ่งในรูปที่จัดแสดง (อันนี้ถ่ายมาจากหนังสือมังงะนะ ไม่ใช่ของจริง)
Room of The Record
โซนนี้น่าจะเป็นโซนที่ผมชอบมากที่สุดในนิทรรศการก็ว่าได้ เพราะโซนนี้จัดแสดงไทม์ไลน์ช่วงเวลาต่างๆเกี่ยวกับการวางจำหน่ายหนังสือการ์ตูนมังงะของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ, การออกอากาศอนิเมะทางช่อง NHK, เหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นในแฟรนไซส์ของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ รวมไปถึงหน้าปกต่างๆของนิตยสาร Nakayoshi ในอดีตที่มีรูปซากุระอีกด้วย
รูปหน้าปกแรกของการตีพิมพ์เรื่องการ์ดแคปเตอร์ซากุระในนิตยสาร Nakayoshi ฉบับเดือนมิถุนายน ปี 1996 โดยมีซากุระอยู่บนหน้าปก (รูปบน)
นอกจากนี้ในโซนนี้ก็มีการจัดแสดงหนังสือมังงะของการ์ดแคปเตอร์ซากุระทุกเล่มทั้งหมดตั้งแต่เล่ม 1 ของภาคแรกจนถึงเล่มปัจจุบันของภาค Clear Card ซึ่งเป็นเล่มที่ 5
หลังจากที่ชมดูหนังสือมังงะต่างๆแล้ว ก็มาถึงจุดที่เรียกว่าเป็น Highlight ของงานนิทรรศการนี้ซื่งก็คือ…..
จุดที่จะได้ถ่ายรูปกับภาพวาดของซากุระ ซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่ผู้จัดงานโฆษณาประชาสัมพันธ์เอาไว้
ใครที่มากันหลายคนก็ไปผลัดกันถ่ายรูปกันได้นะ แต่ว่าผมมาคนเดียวก็เลยไม่มีคนช่วยถ่ายให้ ก็เลยถ่ายแต่ตัวรูปเฉยๆ
และข้างๆ ก็มีโซนจัดแสดงของแถมต่างๆที่เคยแถมมากับนิตยสาร Nakayoshi ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งของแถมบางอย่างนี้ ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
ถัดไปจากนั้นก็มาถึงอีกจุดนึงซึ่งก็เป็น Highlight เหมือนกันก็คือจุดที่จะได้ถ่ายรูปกับใครคนนึงในการ์ดแคปเตอร์ซากุระ ซึ่งเขาผู้นั้นก็คือ……
เคโระจังตัวใหญ่นั่นเอง!!!
แต่โชคดีว่าจุดนี้มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ ผมก็เลยขอให้เขาช่วยถ่ายรูปด้วย ซึ่งเขาก็ยินดีที่จะถ่ายให้นะ : )
(ใจจริงผมอยากให้มีเจ้าซุปปี้นั่งอยู่ข้างๆเคโระจังด้วยนะ สองตัวนี้เป็นคู่หูที่เข้ากันได้ดี……หรือเปล่านะ??)
หลังจากการถ่ายรูปกับเจ้าเคโระจังแล้ว ก็มาถึงจุดสุดท้ายชองนิทรรศการซึ่งถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็เหมือนกับขาดอะไรไปบางอย่าง นั่นก็คือ……
การ์ดทั้งหมดที่ซากุระจับมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งโคลว์การ์ด, ซากุระการ์ด และเคลียร์การ์ด
แต่การ์ดที่ผมชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นการ์ดใบนี้…
ทำไมผมถึงชอบใบนี้ล่ะ?????
ไปหาคำตอบกันเอาเองจากตอนที่ 32 ในภาคแรกของอนิเมะก็แล้วกัน
ใบ้นิดนึงว่าเกี่ยวกับเคโระจังและเชาหลัน ; )
จากนั้นแล้วก็เดินเข้าสู่ทางออกของนิทรรศการ ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่แจกการ์ดที่มีชื่อว่า Thanks ที่มีรูปซากุระ ซึ่งก็มีลักษณะที่เห็นด้านล่าง (ของจริงเดี๋ยวผมมา Update อีกทีละกัน อยู่ในแฟ้ม)
หลังจากเสร็จสิ้นจากการดูนิทรรศการแล้ว ก็ถึงเวลาที่เข้ามาสู่ร้านขายสินค้าที่ระลึกของนิทรรศการกันบ้าง ซึ่งบอกก่อนเลยว่าจะซื้ออะไรคิดให้ดีก่อนละกัน เพราะว่าถ้าออกจากจุดนี้แล้ว ก็ไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีกนะ
ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายนั้นก็จะมีทั้งกระเป๋า, โปสการ์ด, ปฏิทิน, แฟ้ม รวมถึงป้ายแขวนด้วย (พอดีว่าผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้เยอะ เพราะคนเยอะมากในจุดนี้ เดี๋ยวผมจะมา Update ว่าซื้ออะไรมาบ้างนะ) แต่ผมได้ยินมาว่าสินค้าบางชิ้นแทบจะไม่มีเหลือแล้ว
และก็เป็นอันเสร็จสิ้นกับนิทรรศการการ์ดแคปเตอร์ซากุระ (Cardcaptor Sakura Exhibition: The Enchanted Museum) แต่ว่ายังไม่จบแค่นี้นะ…..
ทำไมล่ะ????
ก็เพราะว่ายังมีอาหารให้ทานกันในคาเฟ่ The Sun (เป็นคาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ใน Mori Tower) ที่เป็นธีมของซากุระในชื่อที่เรียกว่า “SAKURA Cafe & Parlor”
ซึ่งเมนูก็มีอยู่ให้เห็นตามนี้
รายละเอียดไปดูที่เว็บนี้ละกัน (เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ)
ใจจริงผมก็อยากจะเข้าไปนั่งทาน แต่เนื่องจากคนต่อคิวเยอะมาก ผมก็เลยตัดใจไม่เข้าไป : (
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของการ์ดแคปเตอร์ซากุระและมีแผนกำลังจะมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ละก็ หาเวลามาชมดูนิทรรศการนี้ได้นะ เพราะว่าจะจัดจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2019 บอกได้ว่าคุ้มจริงๆกับการที่ได้มาชมนิทรรศการครั้งนี้
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของนิทรรศการการ์ดแคปเตอร์ซากุระ ไปดูได้จากเว็บนี้เลย (มีภาษาอังกฤษด้วย)
UPDATED 16.11.2018
มาดูกันสิว่าสินค้าที่ระลึกที่ซื้อมาจากงานนิทรรศการจะมีอะไรบ้างเอ่ย??
มาดูกันเลยดีกว่า!!!! : )
1. ปฎิทินตั้งโต๊ะปี 2019
สำหรับใครที่ยังไม่มีปฏิทินตั้งโต๊ะละก็ สามารถซื้อเอาไว้ใช้ได้ในปี 2019 เมื่อหมดปีก็สามารถเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกได้
2. ปากกาแบบกด
ซึ่งจริงๆมีอยู่ทั้งหมด 4 ลาย แต่ผมเลือกเป็นลายแบบนี้อย่างที่เห็นในรูปบน
3. พวงกุญแจอะคริลิค (แบบสุ่ม)
มันมีอยู่ทั้งหมด 10 ลายแต่เป็นแบบสุ่มนะ (ทางร้านถึงกับต้องติดป้ายเป็นภาษาอังกฤษว่า “อย่าแกะออก” สงสัยกลัวว่าอาจมีคนไม่รู้จริงๆว่าห้ามแกะก่อนซื้อ =__=)
แต่ที่ผมได้มาก็เป็น…….
Momo นั่นเอง (ตอนแกะออกนี่ลุ้นว่าจะได้เจ้าซุปปี้ไหม แต่ก็ไม่ได้นะ)
4. โปสการ์ดชุด (มีอยู่ 5 ใบ)
6. สติ๊กเกอร์
ถ้าใครสังเกตให้ดี ก็จะรู้ว่าภาพจากสติ๊กเกอร์เหล่านี้มาจากฉากในเพลง Ending ทั้งสิ้น
7. กล่องขนมคุ๊กกี้ 12 ชิ้น
เหมาะที่จะทานกับชาหรือกาแฟก็ได้นะ คุ๊กกี้เป็นลายเคโระจัง (แต่ผมยังไม่ได้แกะกล่องนะ เดี๋ยวต้องรีบแกะ ถ้าทิ้งไว้ก็อาจจะไม่ได้กินกันพอดี)
และท้ายสุดก็เป็นสิ่งนี้อย่างที่ได้บอกก่อนหน้านี้แล้ว……..
การ์ดที่ระลึก Thanks ของจริงจากงานนิทรรศการ (อันนี้ทุกคนที่เข้าชมงานจะได้กันหมด)
สินค้าที่ระลึกจากงานนิทรรศการ Cardcaptor Sakura มีเยอะมาก ถ้าใครไม่รู้จะซื้ออะไร ก็สามารถซื้อสินค้าแบบอย่างที่ผมบอกมาได้ หรือถ้าใครอยากจะรู้ว่าสินค้ามีอะไรบ้างก่อนที่จะไปงาน ก็เปิดดูได้จากเว็บนี้ (มีราคาบอกด้วย จะได้เตรียมเงินให้พอ)
_____________________________________________
One thought on “ไปชมงานนิทรรศการการ์ดแคปเตอร์ซากุระ (Cardcaptor Sakura Exhibition: The Enchanted Museum) ที่ Mori Arts Center Gallery, Roppongi Hills โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการ์ดแคปเตอร์ซากุระไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง!!!”