บางครั้งผมรู้สึกว่าการที่เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน……

สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ อาจจะคล้ายกับที่ผมเคยเขียนในปี 2020 ที่เกี่ยวกับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะโควิดนะ

แต่จะเป็นอีกในแง่มุมนึงจากความรู้สึกของผม ณ ขณะนี้ (และด้วยช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปด้วย)

ถ้าใครที่อ่านแล้วไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร เพราะแต่ละคนอาจมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

ตามนี้เลย…….

ตอนนี้เราก็ได้เข้ามาสู่ครึ่งปีหลังของปี 2023 แล้ว

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2023 ที่ผ่านมานั้น ชีวิตของแต่ละคนก็ย่อมเจอเรื่องราวต่างๆที่เข้ามาในชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว, เรื่องหน้าที่การงาน, เรื่องทางเศรษฐกิจ หรือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างๆก็ตามแต่

ซึ่งแต่ละคนก็ต้องเจอเรื่องต่างๆเหล่านี้ในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร

แต่ไม่ว่าเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ทุกคนเจอเหมือนกันหมดก็คือ การใช้ชีวิตในช่วงเวลาของครึ่งปีแรก (หรือจะเรียกว่า 6 เดือนแรก) ของปี 2023 ได้ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่าการใช้ชีวิตในช่วงเวลาของครึ่งปีหลังของปี 2023 นี้ก็จะเหลือเวลาอีกไม่เกิน 6 เดือนต่อจากนี้จนถึงสิ้นปีเลย

ในช่วงเวลาแบบนี้เอง ผมก็แทบจะนึกถึงประโยคนี้เป็นประจำจากคนใกล้ตัวหลายคน นั่นก็คือประโยคที่ว่า……

“เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ”

ถ้าย้อนกลับไปในสมัยที่ผมยังอายุน้อย ผมก็ไม่ได้สนใจหรือรู้สึกคล้อยตามไปกับประโยคนี้สักเท่าไหร่นัก

แต่เมื่อผมอายุมากขึ้น ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับประโยคนี้

ถ้าจะให้ผมอธิบายตรงๆว่าทำไมผมถึงเห็นด้วยกับประโยค “เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ” นั้น ผมกลัวว่าจะอธิบายไม่ถูก

แต่เอาเป็นว่า ผมอยากจะเล่ามุมมองของผมที่มีต่อประโยคนี้สักหน่อยก็แล้วกัน เผื่ออาจจะมองภาพออก….

เท่าที่ผมจำได้ สมัยที่ผมยังอายุน้อย ผมชอบมานั่งเปิดปฏิทินในแต่ละปี (แบบทั้งตั้งโต๊ะและแขวน) เปิดดูเรื่อยๆว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้ว เหลือเวลาอีกกี่วัน, กี่สัปดาห์, กี่เดือนถึงจะได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่ผมอยากให้มาถึงไวๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาปิดเทอม, ช่วงเวลาที่จะได้ไปเที่ยว, ช่วงเวลาที่จะได้ไปงานเทศกาลต่างๆ, ช่วงเวลาที่จะมีญาติผู้ใหญ่พาไปร้านอาหารชื่อดัง อะไรแบบนี้

ซึ่งความคิดของผมในขณะนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า เวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน ไม่ได้รู้สึกว่ามันผ่านไปรวดเร็วสักหน่อย

คือปัจจัยสำคัญที่ผมกลับมานั่งคิดว่าที่ผมคิดแบบนั้น อาจด้วยความที่ว่าผมยังอายุน้อย ไม่ค่อยมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ผมอาจจะคิดไม่ลึกซึ้ง หรือไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของเวลามากสักเท่าไหร่นัก

แต่เมื่อผมอายุมากขึ้น รวมทั้งหน้าที่การงานและสถานะตำแหน่งที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ผมเริ่มเชื่อกับประโยค “เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ” มากขึ้นๆไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย

สาเหตุที่ทำให้ผมเริ่มเชื่อประโยคนี้มากขึ้น น่าจะมาจากเมื่อผมอยู่ในวัยทำงานก็มีเรื่องสำคัญหลากหลายที่ผมจะต้องทำในชีวิต เช่น หน้าที่การงานของผมที่ต้องทำในแต่ละวัน, การจัดการเรื่องส่วนตัวที่มีระดับความสำคัญจากมากสุดไปน้อยสุด, การวางแผนชีวิตในระยะยาว, การรับมือกับเหตุการณ์ที่เร่งด่วนกะทันหันหรือไม่คาดคิด อะไรแบบนี้

และด้วยเรื่องสำคัญเหล่านี้ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะผมจะต้องใช้เวลามาเป็นตัวกำหนดว่าเรื่องนี้เรื่องนั้นจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะดำเนินการสำเร็จ

พูดง่ายๆก็คือเหมือนกับเป็นการตั้งเป้าหมายว่าเรื่องแต่ละเรื่องในชีวิตของผม ผมจะต้องทำให้เสร็จภายในเมื่อไหร่ (คือกำหนด Deadline) เช่นผมมีนัดที่จะเจอลูกค้าเพื่อที่จะคุยเรื่องราคาสินค้า ผมก็จะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอโดยจะใช้เวลาเตรียมภายใน 1 สัปดาห์ อะไรแบบนี้

นอกจากนี้ การที่ผมเชื่อว่า “เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ” นั้น ก็เป็นไปได้ที่ว่าเมื่อผมกำหนดเป้าหมายที่จะต้องให้แต่ละเรื่องเสร็จภายในเมื่อไหร่ ก็ทำให้ผมจดจ่อโฟกัสทำงานไปกับเรื่องแต่ละเรื่อง ทำงานด้วยความตั้งใจจริง (อาจมีเหนื่อยล้าบ้าง เบื่อบ้าง) ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ทำงานจนไม่ได้อยากจะรู้แล้วว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงหรือวันนี้เป็นวันอะไร รู้ตัวอีกที อ้าวนี่วันสุดสัปดาห์แล้วหรือนี่? !0__0!

ตอนที่ผมมีความรู้สึกแบบนี้ใหม่ๆ ผมก็ยังงงๆอยู่ว่าผมทำได้อย่างไร

แต่พอนานๆเข้า ความงงๆนี้ของผมก็เปลี่ยนกลายมาเป็นความเคยชิน จนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติแล้ว

และด้วยเหตุนี้เอง มันก็ทำให้ผมรู้สึกในบางครั้งว่า………

การที่เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน : )

ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ ก็อธิบายตรงๆไม่ถูกนะ (อันนี้ตอบจากใจจริงนะ เพราะผมก็ไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายตรงๆอย่างไร)

อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า การที่ผมรู้สึกว่า “ให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ดี” นั้น ก็จะได้ทำให้เรื่องสำคัญต่างๆที่ผมต้องทำในแต่ละเรื่องผ่านพ้นเร็วไปด้วยดี (คือผ่านไปอย่างเรียบร้อยด้วยดี ไม่ใช่แบบผ่านไปแบบงั้นๆไม่ได้ประโยชน์อะไร) และจะได้จบเสร็จสิ้นให้เร็วที่สุด

เพราะผมรู้อยู่ว่า ถึงในวันนี้เรื่องนี้ที่ผมได้ทำเสร็จสิ้นปุ๊บ เดี๋ยวในอีกไม่กี่วันก็จะต้องมีเรื่องใหม่ให้ผมต้องมาจัดการ

และน่าจะรวมไปถึงการที่ผมมีเป้าหมายและกิจกรรมที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง (นอกเหนือจากหน้าที่การงาน) ในแต่ละปีที่ผมวางแผนล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เช่นจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือไปเที่ยวชมงานนิทรรศการ อะไรแบบนี้ มันก็เป็นตัวเร่งความรู้สึกของผมที่ทำให้รู้สึกว่าดีแล้วแหละที่เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะได้ใกล้ถึงวันที่ผมอยากจะไปเที่ยวสักที

คือถ้าให้สรุปแบบสั้นๆ ผมคงจะบอกว่า “ตั้งใจทำงานต่างๆที่มีอยู่ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอีกไม่นานวันที่จะได้ไปเที่ยวก็มาถึง”

นอกจากนี้ มันก็มีอีกแง่นึงที่ทำให้ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเกิดในภาวะและช่วงเวลาที่ผมเจอแต่เรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

ถ้าจะให้ผมลงรายละเอียดแบบลึก ผมกลัวว่าคงจะยาวเกินไป แต่เอาเป็นแบบสั้นๆว่า…

กว่าผมจะแก้ปัญหาและผ่านพ้นไปกับเรื่องที่ไม่ดีแต่ละเรื่องนั้น วันเวลาก็ได้ผ่านไปมากพอสมควร เพราะผมใช้เวลาในแต่ละช่วงในแต่ละขณะจดจ่อไปกับการจัดการกับเรื่องไม่ดีเหล่านี้ให้จบลงอย่างเร็วที่สุด (อันนี้โปรดไปตีความกันเอาเองนะ)

มาถึงตรงท้ายนี้ อย่างที่ผมได้บอกไปตั้งแต่แรก ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมได้เขียนไปนั้น (ที่บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว) ก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไป

ส่วนคนที่เห็นด้วย ผมก็คิดว่าคงจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับผมตามที่ผมได้เขียนไปนะ

เพราะเมื่อเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จำนวนเวลาที่เหลืออยู่ที่เราจะใช้ชีวิตก็จะค่อยๆน้อยลงๆ ดังนั้นหากอยากจะลองทำอะไรใหม่และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ (ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น) ก็จงรีบทำก่อนที่จะสายเกินไป

และเมื่อเวลามันผ่านไปแล้ว มันก็จะผ่านไปเลยและไม่หวนกลับคืนมาอีก

_______________________________