กว่าที่เราจะวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นในแต่ละทริปได้ลงตัว เราต้องผ่านการแก้ไขมาแล้วกี่ครั้ง?????

ในขณะที่ผมกำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นของผมในทริปที่กำลังใกล้จะมาถึงครั้งนี้ในปี 2023

แน่นอนว่าเรื่องของการวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ชอบไปเที่ยวด้วยตัวเองแบบผม (ส่วนคนที่ไปกับกรุ๊ปทัวร์ก็อาจจะไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้มากนัก เพราะทางกรุ๊ปทัวร์เป็นผู้จัดโปรแกรมให้อยู่แล้ว)

เพราะถ้าหากไม่มีการวางแผนจัดโปรแกรม การเที่ยวญี่ปุ่นของเรานั้นอาจไม่คุ้มค่ากับเงินของเราที่ได้จ่ายไป

สำหรับเรื่องของโปรแกรมการเที่ยวญี่ปุ่นของแต่ละคนนั้นก็ย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนอยากจะไปเที่ยวที่ไหนหรืออยากจะไปทำกิจกรรมอะไร (อาจจะไปเดินซื้อของตามห้างหรือร้านของฝาก, ไปนั่งทานอาหารตามร้านอาหารที่อยากไป หรือจะไปชมภาพยนตร์ก็ได้ อะไรแบบนี้)

แต่ไม่ว่าโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นของแต่ละคนจะเป็นแบบไหน ผมเชื่อว่าแต่ละคนนั้นอยากจะวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นของตัวเองให้ดีที่สุด เลิศที่สุด คุ้มค่าที่สุด และแฮปปี้สุดๆ : )

ส่วนเรื่องความคืบหน้าของการวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ของผมในขณะนี้ ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 80 % แล้ว เพราะว่ายังมีโปรแกรมบางส่วนของผม (ที่ได้วางแผนไว้นั้น) ยังไม่มีความลงตัวในเรื่องของวันและเวลา ซึ่งผมคงจะต้องมานั่งพิจารณาอย่างเร่งด่วนว่าจะเอาอย่างไรดีนะ

และทุกครั้งที่ผมอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่น ผมก็มักจะมีคำถามๆนี้อยู่ในหัวเสมอ…….

กว่าที่เราจะวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นในแต่ละทริปได้ลงตัว เราต้องผ่านการแก้ไขมาแล้วกี่ครั้ง?????

คงจะรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร : )

คือผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในเวลาที่เราวางแผนจัดโปรแกรมเที่ยว ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตามแต่ (จะในประเทศหรือต่างประเทศ) มันก็ต้องมีบ้างที่ในขณะที่เราได้วางแผนจัดโปรแกรมเที่ยวบางส่วนนั้น เราก็อาจมีความคิดที่อยากจะปรับเปลี่ยนโปรแกรมการเที่ยวของเราให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาจจะด้วยเหตุผลในเรื่องของความสะดวกของการเดินทาง, ความเหมาะสมของวันและเวลาที่เราจะไป, ความคุ้มค่าในการใช้ขนส่งสาธารณะ หรือแม้แต่สถานที่หรือกิจกรรมที่เราอยากจะไปทำนั้นมีข้อจำกัดบางอย่าง เป็นต้น

เดี๋ยวผมยกตัวอย่างให้ อย่างเช่น……

– อยากจะไปเที่ยว Tokyo Skytree ในวันอาทิตย์ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจมาเป็นไปเที่ยวในวันจันทร์ดีกว่า เพราะไม่อยากเจอผู้คนเยอะในวันหยุดสุดสัปดาห์

– อยากจะใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงในการเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์รถไฟ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจขอใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงดีกว่า เพราะว่าเพิ่งจะนึกได้ว่ามีร้านคาเฟ่ที่อยู่ใกล้ๆที่อยากไปทานด้วย กลัวว่าจะไม่ได้ไป !0__0!

– อยากจะใช้เวลาในวันสุดท้ายช่วงเช้าไปเดินช้อปปิ้งที่ตึกม่วง (Takeya) แต่ต่อมาเปลี่ยนใจเอาเวลาในช่วงนี้ไปชมดูวิวจากตึกสูงดีกว่า เพราะไม่อยากจะมาเสียเวลาแพ็คจัดกระเป๋าเดินทางก่อนที่จะโหลดกระเป๋าที่สนามบิน

ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างทั้งสามกรณีที่ผมยกขึ้น และหลายคนก็คงจะมองภาพออกนะ

ทีนี้ ก็กลับมาที่คำถามข้างต้นที่ว่า เราจะต้องผ่านการแก้ไขโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นของเรากี่ครั้งถึงจะลงตัวสุด

สำหรับคำตอบของคำถามนี้ แต่ละคนก็น่าจะมีคำตอบเป็นของตัวเอง และอาจจะไม่ใช่คำตอบที่แน่นอน แต่อาจจะพอประมาณๆได้ เพราะบางคนอาจไม่ได้ถึงกับมาจดอย่างจริงจังว่าทริปญี่ปุ่นครั้งนี้เราผ่านการแก้ไขโปรแกรมเที่ยวมาแล้วกี่ครั้ง

แต่สำหรับทริปญี่ปุ่นของผม (ในทริปที่กำลังจะมาถึงนี้) ผมขอตอบเป็นแบบให้มีตัวเลขด้วยละกันว่า…….

น่าจะอย่างน้อย 5 ครั้ง

ผมไม่รู้ว่า “อย่างน้อย 5 ครั้ง” นี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติหรือเปล่าเวลาที่จะมานั่งแก้ไขโปรแกรมเที่ยว

แต่ไม่ว่าใครจะมองว่า “อย่างน้อย 5 ครั้ง” เรื่องที่ปกติหรือผิดปกติก็ตามแต่ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ

เพราะอย่างน้อยทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ที่ผมกำลังจะไป ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทริปที่ดีที่สุด เลิศที่สุด คุ้มค่าที่สุด และแฮปปี้สุดๆ ตามที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้ว (เหมือนกับทริปก่อนๆในอดีตก่อนโควิด 19)

และผมก็หวังว่าคนอื่นๆที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองอีกครั้งนึง (ซึ่งรวมไปถึงคนที่ไปเที่ยวมาแล้วก่อนหน้านี้จากที่ทางการญี่ปุ่นได้เปิดประเทศให้เข้าไปเที่ยวกันได้) ก็คงจะมีโปรแกรมการเที่ยวญี่ปุ่นของตัวเองที่ทำให้รู้สึกได้ว่านี่ก็เป็นทริปญี่ปุ่นอีกทริปนึงที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆที่จะสามารถมาย้อนความหลังกันได้ : )

_____________________