จากที่ได้เห็นจากหัวข้อแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่จะเป็นเหมือนกับผมหรือเปล่านะ คือถ้ามีคนอื่นที่เป็นแบบนี้เหมือนกับผม ผมก็จะได้รู้สึกโล่งใจ อีกทั้งนี่ก็เป็นการเผยความในใจบางอย่างของผมที่อยากจะเขียนมานานมากแล้ว : )
ต้องเริ่มต้นอย่างนี้ว่า ในสมัยที่ผมยังอายุน้อยมาก (คืออายุน้อยแบบยังไม่บรรลุนิติภาวะ) เมื่อใดก็ตามที่ผมได้ไปเที่ยวกับครอบครัวหรือญาติพี่น้อง โดยเฉพาะทริปที่ต้องไปค้างคืน ผมก็ลุ้นอยู่ในใจว่าจะได้ไปพักค้างที่โรงแรมหรือไม่ (เพราะเคยมีบางครั้งที่ต้องไปพักค้างตามสถานที่ที่ไม่ใช่โรงแรม) เพราะถ้ารู้ว่าจะได้ไปพักค้างที่โรงแรม ผมจะดีใจอย่างมากเป็นพิเศษ
และที่ผมบอกว่าดีใจนั้น ดีใจเรื่องอะไรเหรอ????
ก็ตามที่ได้เห็นจากหัวข้อ ดีใจที่จะได้ทานอาหารเช้าของโรงแรมนั่นเอง : )

คือในสมัยที่ผมยังอายุน้อย เมื่อใดก็ตามที่ผมนึกถึงคำว่าโรงแรม ผมก็จะนึกถึงการออกไปเที่ยวตามต่างจังหวัดต่างสถานที่ที่อยู่ไกลจากบ้านของผม นึกถึงการได้ชมวิวได้จากระเบียงห้องพัก นึกถึงโถงห้องล็อบบี้ของโรงแรม นึกถึงสระว่ายน้ำของโรงแรม (ที่อาจไม่ได้มีทุกที่หมด) และอื่นๆที่ผมแทบจะจำไม่ได้
แต่อันดับแรกที่ผมจำได้ดีและแทบจะไม่เคยลืมเมื่อนึกถึงคำว่าโรงแรม ก็คืออาหารเช้าของโรงแรม ที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ทาน เวลาที่ได้ไปพักที่โรงแรมใดก็ตามแต่

แน่นอนว่าอาหารเช้าตามโรงแรมต่างๆที่ผมเคยไปพักนั้น ส่วนมากรูปแบบจะเป็นแบบอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ที่สามารถให้เลือกตักอาหารต่างๆตามที่ผมชอบทาน และไม่ว่าห้องอาหารของโรงแรมนั้นจะเป็นห้องเล็กหรือห้องใหญ่ ผมก็จะเดินไปดูทุกจุดทุกมุมหมดเลย คืออยากจะรู้ว่าเมนูอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์มีเมนูอะไรให้ทานบ้าง และเวลาที่ผมมองดูอาหารก็จะมองแบบตื่นตาตื่นใจเลย
ส่วนมากเมนูอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรมต่างๆ (จากประสบการณ์ของผม) ที่มักจะมีให้เป็นส่วนใหญ่ก็จะมีตามนี้ เช่น ข้าวสวย, ข้าวต้มทรงเครื่อง, กับข้าวแกง, ขนมปังปิ้ง, ไข่ดาว, ไส้กรอก, แฮม, เบคอน, สลัด, เค้ก, ขนมเบเกอรี่ต่างๆ, น้ำผลไม้ต่างๆ, กาแฟ, ชา, โอวัลตินหรือไมโล และเมนูอาหารอื่นๆหลากหลายที่ผมจำไม่ได้หมดนะ

และวิธีการทานอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ที่ผมมักจะทำนั้น คือผมจะนำจานที่มีอาหาร (ที่ตักแล้ว) มาวางไว้บนโต๊ะหลายจาน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้ทานกันต่อเนื่องไปเลย (ไม่ต้องเดินไปมาหลายรอบ ถ้าไม่จำเป็น) ยกเว้นบางอย่าง เช่น ขนมปังปิ้ง ที่ผมอยากจะทานตอนมันอุ่นๆ
แต่สิ่งที่สำคัญสุดในการทานอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ (และรวมไปถึงบุฟเฟ่ต์มื้ออื่นๆ) ที่ผมจะยึดถือตลอดและไม่เคยลืมคือ ตักอาหารให้พอดีกับที่เราจะทาน, เลือกทานอาหารให้หลากหลาย และไม่ตักอาหารเยอะเกินไป รวมไปถึงทานแต่ละจานให้หมดด้วย

ส่วนถ้าอาหารเช้าของโรงแรมบางแห่งที่ไม่ได้เป็นในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งผมเจอค่อนข้างน้อยมากๆ ก็มักจะเป็นอาหารเซ็ตที่มีเมนูอาหารจานหลักพร้อมกับเครื่องเคียงและเครื่องดื่ม มีให้เลือกแบบว่าอยากจะทานเป็นเซ็ตอาหารไทย, เซ็ตอาหารยุโรป หรือเซ็ตอาหารอเมริกัน ตามนี้
แต่เท่าที่ผมจำได้ ผมมักจะเลือกเป็นเซ็ตอาหารอเมริกัน ซึ่งก็จะเมนูอาหารก็คล้ายๆกับบุฟเฟ่ต์ เพียงแค่ว่าพนักงานจะมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะแบบให้ทานตามที่จัดไว้ให้ ไม่มีการไปตักมาเอง อาจมีเฉพาะน้ำเปล่าที่ขอเติมได้ตลอด

……
มาถึงตรงนี้ ก็อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงชอบทานอาหารเช้าของโรงแรมล่ะ?? มันมีอะไรดีพิเศษตรงไหนเหรอ??
คำตอบของผมก็คือ เมนูอาหารเช้าส่วนมากจากโรงแรมที่ผมไปพักในสมัยนั้น มักจะมีเมนูที่ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทานบ่อย เพราะในสมัยนั้นเวลาที่ผมทานอาหารเช้าที่บ้านก่อนไปโรงเรียนก็จะเป็นเมนูที่ทานแบบง่ายๆ แบบอาหารจานเดียวหรือข้าวต้ม แบบนี้ ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาที่จะได้ทานอาหารเช้าแบบที่ทานจากโรงแรม (ใครที่มองว่าคำตอบนี้มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะอันนี้เป็นคำตอบจากความรู้สึกของผมเมื่อตอนที่ผมยังอายุน้อยนะ)
อีกทั้งผมก็ย้อนกลับไปคิดว่า การที่ผมได้ทานอาหารเช้าตามโรงแรมในสมัยนั้น ก็เหมือนกับเป็นการให้รางวัลตัวเองที่จะได้ทานอาหารเช้ามื้อที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา (จากความรู้สึกของผมในสมัยนั้น) ซึ่งผมก็จะไม่ลืมเลย ให้คิดว่าเหมือนกับได้ผลการเรียนที่ดีและผู้ใหญ่มอบอาหารเช้าชุดใหญ่ซะเลยเป็นของรางวัลจากที่ตั้งใจเรียน อะไรแบบนี้

เอาเป็นว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆที่ผมจำได้ดีในสมัยที่ผมอายุน้อยที่ยังจำได้ไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อใดก็ตามที่ผมได้ทานอาหารเช้าของโรงแรมไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม (ซึ่งก็รวมถึง Toyoko Inn ที่ญี่ปุ่น ที่เป็นบุฟเฟ่ต์เช่นกัน) ผมก็จะย้อนนึกถึงความสุขของผมกับอาหารเช้าตามโรงแรมต่างๆที่ผมเคยได้ทานในอดีต : )

____________________________
คุณต้อง เข้าสู่ระบบแล้ว เพื่อส่งแสดงความเห็น.