โดยปกติแล้ว เวลาที่เราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในแต่ละครั้งนั้น เราก็ควรที่จะต้องมีโปรแกรมในแต่ละวันที่เราได้วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าเราจะไปเที่ยวไหน ไปทำอะไร ไปในช่วงเวลาไหนของแต่ละวัน เพื่อที่ให้การเที่ยวของเราเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด (จะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ, ไปช้อปปิ้ง, ไปหาความบันเทิง ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ)
สำหรับผม เวลาที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นในแต่ละทริปส่วนมาก ผมก็สามารถเที่ยวได้ตามโปรแกรมที่ได้วางแผนไว้สำเร็จเกือบ 100% และนอกจากนี้ บางวันในแต่ละทริปหลังจากที่ผมได้เที่ยวตามโปรแกรมที่ได้วางแผนไว้หมดแล้ว ผมก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกสัก 1 – 2 ชั่วโมงที่สามารถจะไปเที่ยวตามสถานที่อื่นๆที่ไม่ได้อยู่โปรแกรม
แต่ก็มีบางครั้งที่ผมไม่สามารถเที่ยวได้ตามที่ผมได้วางแผนเอาไว้ ซึ่งก็มีหลากหลายเหตุผลจากประสบการณ์ของผมที่ไปญี่ปุ่นมาหลายครั้ง อย่างเช่น…….
1.รถไฟมาไม่ตรงตามเวลา
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องการตรงต่อเวลาของรถไฟ มีบางครั้งที่ผมก็เคยต้องเจอรถไฟบางสายที่มาไม่ตรงตามเวลา เนื่องจากระบบขัดข้อง และผมต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปขึ้นเป็นรถไฟสายอื่นแทน ซึ่งก็ทำให้แผนการเที่ยวของผมต้องมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของเวลา
2.สถานที่ที่ไปเที่ยวในวันนั้นบังเอิญปิดให้บริการเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
ผมเจอกรณีแบบนี้น้อยมาก ที่เคยเจอก็คือไปพิพิธภัณฑ์แล้วเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าปิดให้บริการชั่วคราว ค่อยมาใหม่วันพรุ่งนี้ (ซึ่งในวันต่อมา ผมก็ยอมที่จะมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกครั้ง แลกกับการที่ไม่ได้ไปเที่ยวอีกสถานที่นึง) คือต่อให้เรามั่นใจว่าเราจะได้ไปเที่ยวที่สถานที่นั้นแน่ๆ เราก็ต้องเตรียมใจว่าสถานที่นั้นอาจต้องปิดให้บริการเนื่องจากเหตุสุดวิสัย โดยที่เราไม่อาจทราบล่วงหน้าได้เลย
3.สภาพอากาศไม่เป็นใจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเที่ยว
ส่วนมากจะเกิดในวันที่ฝนตกหนักๆ และวันนั้นผมก็มีแผนที่จะเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นที่กลางแจ้ง ซึ่งมีอยู่ครั้งนึงที่ผมอยากไปเที่ยวสวนสาธารณะ แต่วันนั้นฝนก็ตกหนักมาก สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าแทน !+__+!
4.ลืมของทิ้งไว้ (อันนี้รวมไปถึงทำของหายและต้องตามหานะ)
ข้อนี้หลายๆคนที่ไปเที่ยวน่าจะต้องเคยเจอ อย่างกรณีของผม มีอยู่ครั้งนึงที่ผมเคยลืมกล้องถ่ายรูปไว้ที่โรงแรม (ซึ่งกล้องตัวนี้เป็นตัวที่ผมใช้ถ่ายรูปเวลาที่ไปญี่ปุ่นทุกครั้ง) และเพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนอยู่ที่สถานีรถไฟ แต่โชคดีที่ว่าสถานีรถไฟสถานีนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ผมก็เลยตัดสินใจรีบกลับไปเอากล้องถ่ายรูป และแม้ว่าแผนการเที่ยวของผมในวันนั้นล่าช้ากว่าที่ผมได้วางแผนไว้เกือบชั่วโมง ผมก็สามารถเที่ยวครบตามที่ได้วางแผนไว้ : )
5.พลัดหลงกับคนที่มาเที่ยวด้วย
คือมีอยู่ครั้งนึงที่ผมมาเที่ยวญี่ปุ่นกับคนที่ผมรู้จัก และทีนี้ก็มีอยู่วันนึง เขาขึ้นขบวนรถไฟสายนึงกับผม และเขาก็ดันเผลอไปลงผิดสถานีโดยที่ผมไม่ได้สังเกต และกว่าผมจะรู้ รถไฟก็ออกวิ่งไปแล้ว สุดท้ายผมก็ต้องเสียเวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมงในการติดต่อตามหาตัวเขา ซึ่งก็ทำให้โปรแกรมในการเที่ยวบางสถานที่ในวันนั้นต้องถูกตัดออกไป
6.มีสถานที่เที่ยวหรือร้านค้าที่เราบังเอิญไปเห็นพอดีระหว่างที่เที่ยวและอยากแวะทั้งที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมที่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก
ข้อนี้เป็นข้อที่ผมเจอบ่อยสุด และเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะต้องเจอสถานที่เที่ยวหรือแม้แต่ร้านค้าที่พอเราเห็นแล้ว เรารู้สึกอยากจะเข้าไปดูทั้งที่สถานที่นั้นไม่ได้อยู่ในโปรแกรมที่เราได้วางแผนเอาไว้
อย่างกรณีของผม มีอยู่วันนึงที่ผมกำลังจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งนึง แล้วบังเอิญว่าระหว่างทาง ผมก็ดันไปเจอร้านค้าอยู่ร้านนึงซึ่งขายขนมหลากหลายที่ทำให้ผมต้องยืนมอง และผมก็ชั่งใจว่าจะแวะเข้าไปหรือไม่ดี แต่สุดท้ายผมก็แวะเข้าไปที่ร้านขนมร้านนั้นและซื้อขนมมาได้หลายถุง ซึ่งก็ต้องแลกกับเวลาที่จะเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ได้น้อยลง
…………………
ผมไม่รู้ว่าแต่ละคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น (หรือไปเที่ยวประเทศอื่นๆ) จะเจอเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถเที่ยวตามที่ได้วางแผนตั้งแต่แรกหรือไม่ และไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็ตามแต่ (อาจจะเป็นเหตุผลเหมือนกับที่ผมได้บอก หรือไม่ก็เหตุผลอื่นๆของแต่ละคน)
แต่อย่างน้อย เหตุต่างๆเหล่านี้ที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้คาดคิด ก็จะทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องของการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที หากเราแก้ปัญหาได้เร็ว เราก็สามารถใช้เวลาที่มีทั้งหมดในการเที่ยวในแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่าตามที่ได้วางแผนตั้งแต่แรก
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเรายังไม่รีบแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างที่เที่ยวหรือยังลังเลไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ก็จะทำให้เวลาในการเที่ยวของเราบางส่วนหายไป และอาจจะทำให้เราอดเที่ยวในบางรายการ ซึ่งก็คงไม่มีใครหรอกนะที่อยากจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
สุดท้าย ไม่ว่าเราจะได้เที่ยวหรือไม่ได้เที่ยวตามโปรแกรมที่เราได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก การเที่ยวในแต่ละวันก็จะเต็มไปด้วยความทรงจำต่างๆที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงประสบการณ์ในการเที่ยวทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดีที่เราสามารถไปเอาไปปรับปรุงและปรับใช้ในการเที่ยวในทริปครั้งต่อไป
และเราก็อย่าใจเสียถ้าหากว่าการเที่ยวของเราไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่แรก เพราะสิ่งสำคัญข้อหนึ่งของการไปเที่ยวก็คือมาหาความสุข ไม่ได้มาหาความทุกข์นะ : )
_______________________________