คิดว่าในช่วงนี้หลายๆคนที่อยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งก็อาจจะเริ่มวางแผนการเดินทางในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมืองที่อยากจะไปเที่ยว, สถานที่อยากจะไป, การเตรียมแลกเงินเยน, การเตรียมหนังสือเดินทาง, การจองที่พักโรงแรม รวมไปถึงการเตรียมจัดกระเป๋าเดินทาง ซึ่งก็ต้องเรียกว่าเรื่องต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญที่จะทำให้การเที่ยวของแต่ละคนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกเหนือจากที่ผมกล่าวไปข้างต้น ก็ยังมีอีกเรื่องนึงที่สำคัญเป็นอย่างมากในการวางแผนการเดินทาง ซึ่งก็คือ…..
การจองซื้อตั๋วเครื่องบินนั่นเอง เพราะถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน เราก็ไม่สามารถออกเดินทางได้นะ : )
และสิ่งที่ผมจะเขียนถึงต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องวิธีการจองซื้อตั๋วเครื่องบินออนไลน์นะ แต่เป็นประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับผมมานานแล้วก็เกี่ยวกับการจองซื้อตั๋วเครื่องบินตอนที่ผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเนี่ยแหละ ซึ่งผมอยากจะบอกว่าประสบการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนที่สำคัญมากสำหรับผม (และผมก็ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้) อีกทั้งผมก็อยากให้คนที่กำลังจะจองซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อที่ไปเที่ยวต่างประเทศได้อ่านเรื่องนี้กัน (ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นก็ตาม) เผื่อว่าจะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับคนอื่นๆเหมือนกับที่ผมเคยเจอมา
ซึ่งเรื่องนี้ที่ผมจะเขียนก็คือ….
การเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเลื่อนวันเดินทางกลับบนตั๋วเครื่องบินออกไป เพียงเพราะผมวางแผนการเดินทางไม่รอบคอบเท่านั้นเอง

เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สองในชีวิต ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมมีแผนที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นอีก ผมเลยไม่รอช้า ผมจึงเช็คดูราคาตั๋วและเวลาของเที่ยวบินจากสายการบินต่างๆผ่านออนไลน์ และผมก็ทำการซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินสายหนึ่งผ่านทางโทรศัพท์ (โดยเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านเอเจนซี่) ซึ่งตอนที่ซื้อก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเมื่อผมยืนยันการจองและจ่ายเงินค่าตั๋วไปแล้ว ที่เหลือผมก็แค่วางแผนโปรแกรมการเดินทางว่าแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง (รวมไปถึงการจัดเตรียมเอกสารของจำเป็นในการเดินทางและการจัดกระเป๋าเดินทางด้วย)
และเนื่องจากว่าการวางแผนโปรแกรมการเดินทางของผมใช้เวลานานมาก เพราะผมต้องมานั่งลิสต์ว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เมื่อผมลิสต์รายชื่อสถานที่อยากจะไปเที่ยวทั้งหมดของทริปนั้น (รวมไปถึงการช้อปปิ้งและการหาที่พักตามโรงแรม ซึ่งก็จะเป็น Toyoko Inn) ผมก็ทำการจัดตารางเวลาว่าแต่ละวันผมจะไปที่ไหน และควรจะใช้เวลาในการเที่ยวในแต่ละสถานที่กี่ชั่วโมง ซึ่งก็รวมไปถึงเวลาที่ต้องนั่งรถไฟชินคันเซ็นด้วย
โดยภาพรวมแล้วการวางแผนการเดินทางของผมในครั้งนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนะ : )

แต่แล้วก็มาถึงจุดๆนึงที่ผมคิดว่าผมรู้สึกไม่โอเคบางอย่างกับโปรแกรมการเดินทางไปญี่ปุ่นในครั้งนั้น
ซึ่งก็คือ จำนวนวันในการอยู่เที่ยวญี่ปุ่นนั้นมันน้อยเกินไปนั่นเอง
ด้วยเหตุผลง่ายๆ: มันมีสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่ผมอยากไปจริงๆ แล้วผมก็ถือคติที่ว่า “ไหนๆก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีแล้ว ถ้าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเถอะ ถ้าหากว่าสถานที่นั้นไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองที่เราพักอยู่ จะได้ไม่ต้องมานึกเสียดายภายหลัง” (คือถ้าใครเข้าใจสิ่งที่ผมบอกไปนี้ ก็คงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ไม่อยากอธิบายยาวนะ)
และจำนวนวันในการอยู่เที่ยวในญี่ปุ่นที่ผมบอกว่ามันน้อยเกินไปนั้นก็มาจากวันเดินทางขาไปและขากลับที่ระบุอยู่บนตั๋วเครื่องบินที่ผมได้ทำการซื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว และถ้าจำไม่ผิด ตามเดิมผมจะเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วันในทริปนั้น
นั่นก็หมายความว่า ผมจำเป็นต้องเลื่อนวันเดินทาง (ที่ระบุอยู่บนตั๋วเครื่องบิน) ออกไป และเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เมื่อผมเห็นว่าควรที่จะต้องเลื่อนวันเดินทางขากลับออกไปอีก 1 วัน ผมก็ไม่รอช้าโทรติดต่อเอเจนซี่ที่ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่แรกบอกว่าขอเลื่อนวันเดินทางออกไป ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าผมต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอีก 1000 บาท แต่ผมก็โอเคเพราะถือว่าเป็นความไม่รอบคอบของผมเองที่ไม่วางแผนให้รอบคอบตั้งแต่แรกว่าอยากจะเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นทั้งหมดกี่วัน (ซึ่งก็เท่ากับว่าเมื่อผมเลื่อนวันเดินทางขากลับไปอีก 1 วัน ก็จะทำให้ผมเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นรวมทั้งหมดเป็น 7 วัน)
และท้ายสุด จำนวนวันทั้งหมดในการไปเที่ยวญี่ปุ่นของผมในครั้งนั้นก็คือ 7 วัน ถึงแม้ว่าผมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มก็ตาม แต่มันก็ถือว่าคุ้มและไม่เสียดายที่ผมคิดถูกแล้วที่เลื่อนวันเดินทางขากลับออกไปอีก 1 วัน เพื่อที่จะได้เที่ยวตามสถานที่ที่ผมอยากจะไปนะ และเรื่องจบลงเพียงเท่านี้

สรุปง่ายๆก็คือ บทเรียนนี้สอนให้ผมรู้ว่า ก่อนที่จะทำการซื้อหรือจองตั๋วเครื่องบินก็ตามแต่ เราควรที่จะวางแผนโปรแกรมการเดินทางของเราให้ชัดเจนและละเอียดรอบคอบว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างและอยากจะไปทั้งหมดกี่วัน รวมไปถึงการจัดทำตารางเวลาในแต่ละวันของการเดินทาง เพื่อที่จะได้มั่นใจว่านี่เป็นแผนการเดินทางที่ชัดเจนสมบูรณ์ที่สุดและไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยที่ไม่ต้องมาเลื่อนวันเดินทางออกไปอีกนะ ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่จะต้องจ่ายถ้าหากเลื่อนวันเดินทาง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน แต่กรณีของผมตามที่ได้บอกไป อันนี้ต้องเสีย
นอกจากนี้ ผมก็อยากจะบอกเพิ่มเติมอีกว่า เวลาที่เราจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โปรดคิดและพิจารณาช่วงเวลาเที่ยวบินที่เครื่องบินออกด้วย (ไม่ว่าทั้งขาไปหรือขากลับ) เพราะสำหรับผม เวลาของเที่ยวบินก็มีความสำคัญและมีผลมากต่อการตัดสินใจในการวางแผนการเดินทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นวันเดียวกัน ถ้าหากเที่ยวบินนึงออกเวลา 10.00 กับอีกเที่ยวบินนึงออกเวลา 18.00 นี่มันเป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะถ้าเที่ยวบินออกตอน 18.00 สำหรับผมอาจยังพอมีเวลาที่จะเที่ยวหรือทำอะไรได้ก่อนที่จะเช็คอินเข้าเกตที่สนามบินนะ

ยังไงทางที่ดีที่สุด เราควรที่จะวางแผนโปรแกรมการเดินทางของเราให้ชัดเจนและละเอียดให้มากที่สุดก่อนที่จะทำการซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อที่จะได้เช็คดูว่าสิ่งที่เราวางแผนนั้นมันโอเคหรือยังนะ เวลาที่เราจะเที่ยวก็จะได้เที่ยวอย่างสบายใจ : )
**อีกนิดนึง ถ้าหากใครเข้าใจเรื่องนี้ที่ผมเขียน ผมก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างมากที่เข้าใจนะ กลัวว่าผมจะเขียนแล้วคนบางส่วนอาจอ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะผมพยายามเขียนเพื่อให้ทุกคนที่อ่านจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่ผมอยากสื่อ**

____________________________________________
You must be logged in to post a comment.