รีวิวภาพยนตร์ Wonderful Precure! The Movie ในฉบับของผมกับความรู้สึกที่ไม่มีอะไรค้างคาใจหลังจากที่ชมจบไปแล้ว……..

ส่งเมื่อ โดย pkexplore

น่าจะเรียกว่าเป็นการรีวิวภาพยนตร์พรีเคียวที่ช้าที่สุดของผมก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายอย่างที่ผมไม่ขอพูดถึงว่าทำไมผมถึงมาเขียนรีวิวช้านะ

และภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไหนนอกจาก Wonderful Precure! The Movie นั่นเอง ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสไปชมโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นจากทริปล่าสุดของผม (โดยผมได้ไปชมที่โรงภาพยนตร์ Shinjuku Wald 9 ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสมาชมที่โรงภาพยนตร์แห่งนี้)

โดยชื่อญี่ปุ่นเต็มๆของภาพยนตร์ก็คือ わんだふるぷりきゅあ！ざ・むーびー！ドキドキ♡ゲームの世界で大冒険！ หรือจะแปลเป็นภาษาไทยก็คือ วันเดอร์ฟูลพรีเคียวเดอะมูฟวี่ การผจญภัยอันน่าตื่นเต้นในโลกแห่งเกม ซึ่งเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา (ณ ขณะนี้ ตัวภาพยนตร์น่าจะไม่มีฉายอีกแล้วในโรง)

การรีวิวภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องนี้ ผมจะขอแค่สรุปเนื้อหาภาพรวมของตัวภาพยนตร์, รายละเอียดที่น่าสนใจต่างๆในภาพยนตร์ที่จะมีการสปอยล์เนื้อหาของภาพยนตร์บางส่วน (ถ้าใครไม่อยากจะรู้ในส่วนนี้ก็สามารถที่จะข้ามไปได้นะ ถือว่าผมได้บอกไปก่อนแล้ว) รวมไปถึงสิ่งที่ผมชอบจากภาพยนตร์ด้วย และหากมีส่วนไหนที่ผมรีวิวที่ไม่ครบหรือไม่ตรงกับในเรื่องก็ขออภัยด้วย เนื่องจากว่าผมไปชมภาพยนตร์มาแล้วเป็นเดือนๆ ก็อาจจะจำเนื้อเรื่องได้ไม่หมด (คงจะไม่ว่ากันนะ)

สำหรับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ Wonderful Precure นั้น จะเกี่ยวกับตอนที่พวก Komugi, Iroha และคนอื่นๆได้มานั่งเล่นเกมกันที่บ้านของ Mayu ซึ่งเป็นเกมเกี่ยวกับการผจญภัยในอาณาจักรที่เต็มไปด้วยเหล่าทะนุกิ (ซึ่งเป็นสัตว์ที่คล้ายๆกับแรคคูน พบเจอได้ในญี่ปุ่น) และในระหว่างที่เล่นเกมอยู่นั้น ก็มีตัวละครจากเกมปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพวก Komugi ที่มีชื่อว่า Ponta และ Pokota (ซึ่งทั้งสองเป็นทะนุกิ) และตัวละครเหล่านี้ก็ทำให้ Komugi, Iroha, Yuki, Mayu และรวมไปถึง Daifuku (ที่เป็นกระต่ายของ Satoru) ได้ถูกดูดเข้าไปในตัวเกม ทิ้งให้ Satoru และ MeyMey อยู่กันลำพังโดยที่งงว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อเข้ามาสู่ในโลกแห่งเกม Komugi ก็พบว่าตัวเองถูกแยกไปจาก Iroha อีกทั้งก็มาเจอ Ponta และ Pokota ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยเหลือในเกม ด้วยความที่ว่าตัวเองอยากจะกลับไปเจอ Iroha อีกครั้ง รวมไปถึงคำแนะนำของ Ponta และ Pokota ที่บอกว่าถ้าอยากจะออกไปจากโลกแห่งเกมนี้ ก็ต้องเล่นเกมจากด่านทั้งหมดให้ครบถึงจะออกไปได้ Komugi จึงไม่รอช้าและเล่นเกมจากด่านทั้งหมด และระหว่างทางก็ได้มาเจอ Yuki ซึ่งก็พลัดพรากไปจาก Mayu ด้วย ทำให้ทั้ง Komugi และ Yuki ช่วยกันเล่นเกมทั้งหมดให้สำเร็จเพื่อที่จะได้กลับไปเจอเจ้าของของตัวเองได้อีกครั้ง และทั้งสองก็ทำสำเร็จจริงๆ

เพราะความสำเร็จนี้ทำให้วายร้ายตัวจริงในเรื่องซึ่งก็คือ Mujina (ที่เป็นทะนุกิเช่นกัน แต่เป็นตัวใหญ่มาก และเป็นหัวหน้าของ Ponta และ Pokota) พยายามที่จะขัดขวางพวก Komugi ไม่ให้ออกไปจากโลกแห่งเกมนี้ได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือจาก Satoru ที่ได้ติดต่อ Natsuki ซึ่งเป็นผู้สร้างเกมนี้และรวมไปถึง Daifuku (ที่สามารถพูดได้แล้ว) พวก Komugi ก็สามารถออกไปจากโลกแห่งเกมนี้ได้สำเร็จ

ด้วยความไม่พอใจและความโกรธแค้น Mujina ก็ออกมาจากตัวเกมและออกอาละวาดไปทั่วเมืองและมุ่งไปสู่ Yokohama ซึ่งเป็นเมืองที่ Natsuki ทำงานและอาศัยอยู่ ทำให้พวก Komugi ในฐานะทีม Wonderful Precure ต้องรีบตาม Mujina ไปเพื่อที่จะหยุดไม่ให้อาละวาด (รวมไปถึงเหล่าสัตว์ประหลาดที่ Mujina ปล่อยออกมา) และตรงนี้เองเหล่าพรีเคียวจากทีม Hirogaru Sky! Precure และ Mahou Tsukai Precure! ก็ได้เข้ามาร่วมช่วยด้วย เพราะทั้งสองทีมนี้ได้เล่นเกมที่ว่ามานี้ (ก็คือผจญภัยในอาณาจักรทะนุกิ) ตั้งแต่แรกแล้ว และสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวเกม (คือเกมตัวนี้มันคล้ายๆเหมือนเกมออนไลน์ที่ใครๆสามารถเห็นผู้เล่นคนอื่นๆได้ในเกมว่าใครเป็นใคร)

ท้ายสุด ด้วยความช่วยเหลือจากทุกๆคน Mujina ก็ถูกปราบลงได้สำเร็จและร่างของมันก็ได้ล่องลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายไปในที่สุดท่ามกลางความโศกเศร้าของทุกคนซึ่งรวมไปถึง Natsuki ที่รู้สึกมีความผูกพันกับ Mujina อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผ่านพ้นแห่งความโศกเศร้าได้ไม่นาน Natsuki ก็ได้ทำความรู้จักกับทุกคนในทีม Wonderful Precure, Hirogaru Sky Precure และ Maho Tsukai Precure ด้วยโอกาสนี้ Iroha จึงได้ชวน Natsuki รวมไปถึงพรีเคียวอีกสองทีม (ทั้งพวก Sora และ Mirai) ไปเยือน Animal Town กัน ซึ่งทั้งหมดก็ได้ตอบตกลง และภาพยนตร์ก็จบลงเพียงเท่านี้

……….

ทีนี้ ก็มาถึงส่วนที่ผมอยากจะเขียนเกี่ยวกับรายละเอียดที่น่าสนใจต่างๆในภาพยนตร์ รวมไปถึงสิ่งที่ผมชอบจากตัวภาพยนตร์นี้ด้วย เพื่อให้เข้าใจง่าย ผมจะทำเป็น List ละกันนะ ตามนี้เลย…..

ตั้งแต่ผมจำความได้ นี่น่าจะเป็นภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องแรกเลยที่เอาธีมเกี่ยวกับเกมมาใช้ในเนื้อเรื่องเป็นหลัก ยิ่งเอาสุนัขอย่าง Komugi, แมวอย่าง Yuki และกระต่ายอย่าง Daifuku มาดำเนินในเนื้อเรื่อง ยิ่งทำให้ตัวภาพยนตร์สนุกและน่าติดตาม รวมไปถึงโปสเตอร์โปรโมทตัวภาพยนตร์ก็ออกแบบมาเหมือนกับเป็นปกเกมคล้ายๆ PlayStation หรือ Nintendo

ความสัมพันธ์ระหว่าง Komugi และ Yuki เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในภาพยนตร์ เพราะว่าได้เห็นทั้งสองร่วมมือกันในการเล่นเกมจากด่านต่างๆให้สำเร็จจนสามารถได้กลับไปเจอ Iroha และ Mayu อีกครั้ง ถ้าผมจำไม่ผิดจะมีอยู่เกมนึงที่เกี่ยวกับการเต้นให้เข้ากับจังหวะที่ Komugi ไม่สามารถเต้นได้ทันจนกระทั่ง Yuki เข้ามาช่วยและทั้งสองก็ช่วยกันเล่นจนผ่านเกมนี้ไปได้ (ต้องอย่าลืมว่าในช่วงแรกๆของซีรี่ส์ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ยังไม่ค่อยดีนัก)

เป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย (รวมไปถึงตัวผม) ว่า Daifuku จะพูดได้เหมือน Komugi และ Yuki หรือไม่ ซึ่งคำตอบก็ปรากฏให้เห็นแล้วในภาพยนตร์ แต่ผมก็คิดไม่ถึงว่าเสียงพูดของ Daifuku จะเป็นเสียงแบบผู้ชายเข้มๆและเท่ๆนะ ถ้าจำไม่ผิดผู้ให้เสียงของ Daifuku เป็นนักพากย์ที่มีชื่อเสียงด้วย

จะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ตามที่คาดหมายไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็รู้แล้วว่า Satoru และ Daifuku ก็มีบทบาทช่วยเหลือเหล่าพรีเคียวในช่วงท้ายของภาพยนตร์แต่ไม่ได้ถึงกับมีพลังวิเศษอะไรมาก และดูจากเครื่องแต่งกายทั้งคู่ก็เหมาะสมดี

ผมมองว่าภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องนี้มีส่วนผสมหลากหลายของรูปแบบภาพยนตร์ทั้ง Adventure, Comedy, Drama และ Sci-Fi

เกมผจญภัยในอาณาจักรทะนุกิที่ Natsuki สร้างขึ้นนั้นมีอิทธิพลมาจากในวัยเด็กของเธอที่เธอได้ไปเจอทะนุกิตัวนึงในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง โดยทุกเย็นหลังเลิกเรียนเธอจะแวะมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้เพื่อที่จะได้เจอกับมัน แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอกับมันไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดของสวนสาธารณะมีการก่อสร้างปรับปรุง

ตอนที่ผมเห็นจากคลิปหนังตัวอย่าง ผมก็คิดว่า Natsuki จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง Mujina หรือเปล่า ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ใช่ เพราะ Natsuki ไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับแผนการร้ายของ Mujina เลย

อันที่จริงก่อนที่ทีม Hirogaru Sky! Precure และ Mahou Tsukai Precure! จะมีบทบาทที่ออกมาช่วย Wonderful Precure ในการปราบ Mujina นั้น ทั้งสองทีมก็ได้ปรากฏตัวสลับกันไปมาระหว่างที่ดำเนินเรื่องในช่วงแรกๆของภาพยนตร์ (ในขณะที่เล่นเกมกัน) ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่ทำให้สองทีมนี้มาปรากฏตัวเฉพาะเมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ได้เห็นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในทีมด้วยกันเองให้แฟนๆหายคิดถึง

มีอยู่ฉากหนึ่งในช่วงกลางของภาพยนตร์ซึ่งเป็นตอนที่พวก Komugi พยายามจะเอาชนะลูกน้องของ Mujina ในเกมด่านหนึ่งที่น่าจะเรียกว่าเล่นยากมากๆ แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อ Mofurun ปรากฏตัวมาช่วยเล่นเกมนี้ให้ชนะ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะได้มากเลย : )

เพลงประกอบภาพยนตร์ที่เล่นในตอนท้ายของเรื่องที่มีชื่อว่า Happy Future เป็นเพลงที่ให้จังหวะที่มีชีวิตชีวา มีกลิ่นอายๆแบบ Electronic ผสมกับ Pop Dance อีกทั้งเพลงนี้ก็ถูกนำมาใช้ในการเล่นเกมเก็บลูกบอลในเรื่องด้วยแต่เป็นจังหวะแบบแซมบ้า

สำหรับฉากจบในตอนท้ายของภาพยนตร์ที่ Natsuki ได้ไปเยือน Animal Town ตามคำชวนของพวก Komugi และ Iroha ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นการจบแบบที่ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว และผมก็มองว่าเป็นการจบแบบ Happy Ending เพราะทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยมีสิ่งที่เป็นความชอบเหมือนกันก็คือความรักและความผูกพันที่มีกับสัตว์ต่างๆทั้งหลาย ไม่แน่เหมือนกันเราอาจจะได้เห็น Natsuki อีกครั้งในตอนท้ายของซีรี่ส์ก็เป็นได้

……..

และทั้งหมดนี่ก็เป็นการรีวิวภาพยนตร์ Wonderful Precure! ในฉบับของผมที่รู้สึกว่าไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้วหลังจากที่ได้ชมจนจบ แม้ว่าผมอาจจะไม่ได้เก็บรายละเอียดทุกส่วนของภาพยนตร์ เพราะผมไปชมเพียงรอบเดียว อีกทั้งวันที่ผมได้ไปชมนั้น จำนวนคนในโรงภาพยนตร์เกือบจะเต็มทุกที่นั่งเนื่องจากว่าเป็นช่วงเวลากลางคืน (น่าจะเรียกว่าเป็นการชมภาพยนตร์พรีเคียวของผมที่มีผู้ชมในโรงภาพยนตร์จำนวนมากที่สุดตั้งแต่ผมเข้าชมมา)

ท้ายสุด ผมก็คิดว่าถ้ามีโอกาสผมอยากจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้อีกในอนาคต ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าชวนติดตาม ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมก็อาจจะต้องรออีกหน่อย เพราะ Wonderful Precure! The Movie จะออกวางจำหน่ายในรูปแบบ DVD และ Blu-Ray ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 ที่จะถึงนี้ (ซึ่งก็อีกไม่นานนะ)

ก็คงจะมีเพียงเท่านี้แหละสำหรับการรีวิวภาพยนตร์ Wonderful Precure! ในฉบับของผม : ) ส่วนรูปถ่ายทั้งหลายที่เห็นอยู่นั้น ผมถ่ายจากตามสถานที่ต่างๆที่มีการโปรโมทตัวภาพยนตร์ทั้งจากโรงภาพยนตร์และตามสถานที่ต่างๆ

**UPDATED 27/12/2024: ผมเพิ่งทราบมาว่า Wonderful Precure! The Movie จะเข้าฉายในประเทศไทยในช่วงวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ 2025 ในส่วนหนึ่งของเทศกาล JAMNIME Festival 2025**

___________________________________