เมื่อลูกค้าไม่ยอมซื้อสินค้า เพียงเพราะต่อรองราคาสินค้าไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่หลังจากนั้น ลูกค้าคนนี้ก็ได้รับบทเรียนที่ไม่มีวันลืมเลย

หลายๆคนที่เป็นเจ้าของกิจการที่ทำเป็นร้านค้าขายของไม่ว่าจะขายอะไรก็ตามแต่ (จะขายด้วยตนเองหรือให้ลูกจ้างขายแทน) ก็น่าจะเคยเจอลูกค้าบางรายที่ชอบต่อรองราคาจากราคาที่ตั้งไว้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ (ซื้อหลายชิ้นหรือต้องการปัดราคาเศษให้เป็นศูนย์)

ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่จะเจอแบบนี้ โดยขึ้นอยู่ว่าจะลดราคาให้ได้ต่ำที่สุดอยู่ที่เท่าไหร่ (ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่แปลกที่ลูกค้าทั้งหลายอยากจะต่อรองราคา เพื่อที่จะได้ประหยัดเงิน)

2

ตัวผมเองก็เจอลูกค้าแบบนี้แทบเกือบตลอด แต่ส่วนมากผมก็ลดให้ เพราะอย่างน้อยลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าไป ก็ต้องอยากกลับมาซื้ออีก แม้ว่ากำไรที่ได้จะลดลงก็ตาม แต่ก็น้อยครั้งมากที่จะมีลูกค้าบางส่วนที่ขอต่อรองราคา แต่ก็ไม่ได้ซื้อ เพราะราคานั้นผมขายให้ไม่ได้

ซึ่งก็มีลูกค้าบางรายที่ผมอยากจะยกตำแหน่งให้เป็น “นักต่อรองราคาสินค้า” ตัวจริงไปเลย !0__0!

4

ผมเองก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลูกค้าอยู่คนนึงที่ชอบต่อรองราคาสินค้ากับผม ซึ่งตอนแรกลูกค้าคนนี้ก็ไม่ได้อยากซื้อหรอก

แต่สุดท้ายแล้ว ลูกค้าคนนี้ก็ต้องกลับมาซื้อ……..

6

เรื่องมันมีอยู่ว่า ลูกค้าคนนี้เดินเข้ามาที่ร้านและถามราคาสินค้าชนิดนึง (เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ขอบอกว่าเป็นอะไร ชิ้นไม่ใหญ่มาก) ว่า “อยู่ที่เท่าไหร่??” ผมก็บอกราคาตามป้ายที่ติดอยู่ เอาเป็นสมมุติว่าราคาสินค้าชิ้นนี้อยู่ที่ 1300 บาท ตามป้ายราคา

ลืมบอกไปว่าลูกค้าคนนี้เป็นผู้หญิงมีอายุแล้ว ผมก็เลยเรียกว่า “ป้า” ส่วนแกก็เรียกผมว่า “หนู”

และก็เหมือนกับที่ผมเจอกับลูกค้าคนอื่นๆ คุณป้าคนนี้ก็ขอต่อราคาให้ลดลงไปกว่านี้ ซึ่งผมก็ค่อยๆลดให้ (ลดแล้วลดอีก) คุณป้ายังไม่พอใจกับราคา ก็ขอให้ลดอีกจนสุดท้ายผมลดให้ได้เต็มที่ก็คือ 1000 บาท

6

แต่ก็ยังไม่จบแค่นั้น……

เพราะคุณป้าคนนี้พูดว่า “ถ้าหนูให้ราคาป้า 800 บาท ป้าเอาเลย!!”

“เออ คือ ราคา 800 บาทนี่ เรียกได้ว่าจะขาดทุนแล้วนะ ขืนผมขายไป ญาติผมที่เป็นเจ้าของก็ต้องมาต่อว่าผม และผมก็อาจโดนไล่ออกได้ !=__=!” ผมนึกในใจ

“ราคา 800 บาทนี่ ผมขายไม่ได้ครับ” ผมตอบกลับไปอย่างสุภาพ “แต่ถ้าเกิดป้าอยากได้ราคาที่ถูกแบบนี้ ผมก็มีเป็นรุ่นอื่นให้ครับ”

11

แต่คำพูดที่คุณป้าคนนี้ตอบกลับมา ก็ยังเป็นคำเดิม

“ยังไงก็ต้องเป็นตัวนี้!! รุ่นนี้ 800 บาท ถ้าป้าไม่ได้ราคานี้ ป้าก็จะไม่เอา!!” พร้อมกับทำท่าว่าจะเดินออกไปจากร้าน และคงคิดว่าผมจะยอมใจอ่อนให้ราคานี้

แต่ผมก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ได้จริงๆครับ รุ่นนี้จะราคา 800 บาท ไม่ได้ครับ เต็มที่ผมให้ราคา 1000 บาท ถ้าป้ายังไม่ซื้อวันนี้ วันหลังป้าก็มาซื้อได้ครับ ผมให้ราคาพิเศษคุณป้าเต็มที่ 1000 บาทครับ!!”

14

คุณป้าคนนี้ที่เป็นลูกค้า ก็ทำหน้าตาบึ้งไปนิดนึง และก็เดินออกจากร้านไป ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ถ้าจะให้ผมตีความหมายจากท่าทาง ก็อาจแปลได้ว่า ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ ราคาแค่นี้ก็ให้ไม่ได้ ไปซื้อร้านอื่นดีกว่า

ส่วนผมก็ไม่ได้หนักใจอะไรที่คุณป้าคนนี้ไม่ยอมซื้อ เพราะลูกค้าคนอื่นที่ซื้อสินค้าชิ้นนี้ ยังบอกว่าราคาที่ผมขายถูกกว่าที่อื่นเยอะ

สุดท้ายผมก็ต้องนำสินค้าชิ้นนี้เก็บใส่กล่องเหมือนเดิม และหวังว่าคุณป้าคนนี้คงจะยอมกลับมาซื้อในสักวัน

………….

10

ผ่านไปหลายสัปดาห์ คุณป้าคนนี้ก็กลับมาหาผมที่ร้านด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและไม่ยิ้ม ผมก็นึกในใจว่าคุณป้าจะมาขอซื้อสินค้าชิ้นนี้ในราคา 800 บาทหรือเปล่า แต่สิ่งที่คุณป้าคนนี้พูดก็คือ…..

“หนูบอกว่าลดราคาเต็มที่ได้ 1000 บาทใช่มั๊ย?? งั้นป้าขอซื้อสินค้าตัวนั้นที่หนูให้ป้าดูเมื่อครั้งก่อน” และพูดย้ำอีกทีว่า “1000 บาทนะ” หลังจากนั้นก็ควักเงินเพื่อที่จะเตรียมจ่ายให้ 1000 บาท

ตัวผมเองก็รู้สึกงงๆและแปลกใจไปนิดนึง ! 0__O! แต่ก็รีบไปหยิบตัวสินค้าตัวที่คุณป้าคนนี้จะซื้อ พร้อมแกะออกมาทดสอบตัวสินค้าให้ดูก่อนที่จะให้คุณป้าคนนี้ไป

ในใจผมก็ดีใจที่คุณป้ายอมมาซื้อจนได้ : )

1

และในระหว่างที่ผมกำลังทดสอบสินค้าให้อยู่ คุณป้าคนนี้ก็พูดอีกว่า “รู้อย่างนี้ ป้าก็น่าจะซื้อกับหนูในราคานี้ไปตั้งแต่วันนั้นแล้วละ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาใหม่” พร้อมกับสีหน้าที่แสดงความรู้สึกว่าทำเองคงทำอะไรผิดสักอย่าง

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” ผมถาม ทำให้คุณป้าคนนี้เล่าให้ฟัง……….

26

แกเล่าให้ฟังว่า หลังจากวันนั้นที่ผมไม่ยอมขายสินค้าให้ แกก็เดินออกไปแล้วมองหาร้านอื่นๆในละแวกเดียวกันที่อาจจะมีสินค้าตัวนี้ที่ขายได้ในราคา 800 บาทหรือใกล้เคียง มองไปมองมาก็ไปเจออยู่ร้านนึงที่ขายสินค้าแบบเดียวกับที่ผมขาย (หรือจะเรียกกันง่ายๆว่า ร้านคู่แข่ง)

ผมก็ไม่รู้ว่าร้านนั้นอยู่ตรงไหน แต่ขอเรียกสมมุติละกันว่าร้าน A

แกก็เดินเข้าไปถามว่า มีสินค้าแบบนี้มั๊ย ซึ่งทางร้าน A ก็บอกว่ามี และก็มีราคาอย่างที่คุณป้าต้องการ ก็คือ 800 บาท โดยที่ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นเพิ่ม

คุณป้าก็ตัดสินใจซื้อไป โดยที่ไม่ต้องมีการต่อรองราคาเลย จ่ายเงินปุ๊บ เดินออกจากร้าน A ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

8

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณป้าก็ต้องกลับไปที่ร้าน A ร้านนี้อีก เพราะสินค้าที่ซื้อไป ใช้ได้แค่เพียง 2 – 3 วันก็เริ่มมีปัญหา อย่างเช่น ไฟไม่เข้า, มีควันออกมาจากตัวเครื่อง หรือไฟดูด

คุณป้าบอกว่าแทนที่พนักงานในร้าน (ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของหรือลูกจ้างนะ) จะช่วยดูให้ว่าสินค้ามีปัญหาอย่างที่คุณป้าได้บอกไว้หรือเปล่าหรือแม้แต่จะช่วยดูให้ว่าจะเปลี่ยนตัวสินค้าให้ได้หรือไม่ แต่คุณป้ากลับได้คำตอบจากร้านด้วยคำพูดแบบนี้…….

“คุณป้าดึงเล่นหรือเปล่า?? เครื่องมันถึงเป็นแบบนี้”

 “ช่วยไม่ได้ ก็คุณป้าอยากจะซื้อสินค้าราคาถูกๆ ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ผมทำอะไรไม่ได้หรอก”

“เราไม่รับผิดชอบ!!”

7

ฟังจากคำพูดของทางร้านนั้นแล้ว รู้เลยว่าเป็นคำพูดที่ลูกค้าทั้งหลายคงจะต้องไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคุณป้าคงจะเสียใจมากและโกรธที่ถูกทางร้านพูดแบบนั้น แต่หลังจากที่พูดไปและเถียงกันไปเถียงกันมากับทางร้าน คุณป้าก็เลยยอมถอดใจ เดินเดินออกมาจากร้านพร้อมกับสินค้าที่มีปัญหาที่ได้ซื้อจากร้านนั้น (เหมือนกับเสียเงินไปฟรีๆ)

18

หลังจากที่คุณป้าคนนี้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับร้านนั้นจบ แกก็บอกผมว่าจะไม่กลับไปซื้อสินค้าที่ร้านนั้นอีกแล้ว เพราะเหมือนกับว่าตัวเองถูกหลอกให้ซื้อสินค้าราคาถูก และก็อาจเป็นความผิดของแกด้วยที่อยากได้สินค้าราคาถูกๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของตัวสินค้าและผลที่ตามมา แถมยังโดนทางร้านพูดจาไม่เพราะใส่ด้วย

อย่างไรก็ตาม คุณป้าแกคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะตอนนี้คุณป้าก็ได้ซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากผมไปในราคา 1000 บาทแล้ว และแถมผมก็ทดสอบเครื่องให้ดูก่อนที่จะให้คุณป้าไป เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

ก่อนแกจะเดินออกไปจากร้านผม แกก็หันหลังพร้อมกับบอกว่า ”ขอโทษด้วยที่ป้าทำแบบนั้นกับหนูเมื่อวันก่อน” และยังบอกอีกว่า “วันหลังป้าจะมาซื้อกับหนูอีก” และแกก็เดินจากไป

29

ผมไม่รู้ว่าคุณป้าแกจะรู้สึกอย่างไร แต่ผมก็คิดว่าผมว่าคุณป้าก็คงจะเข็ดจากการไปซื้อของร้าน A ในราคาที่ถูกมาก (โดยที่ไม่ต้องต่อรองราคา) จนไม่ได้คำนึงถึงตัวคุณภาพของสินค้าและผลที่ตามมาว่าเวลาใช้สินค้าที่ราคาถูกมันจะเป็นอย่างไร

และก็อาจเรียกได้ว่าเป็นบทเรียนที่ดีบทนึงสำหรับลูกค้าคนที่ชอบต่อรองราคาสินค้า (อย่างคุณป้าคนนี้) โดยที่อาจไม่รู้ว่าสินค้าที่ตัวเองต่อรองได้ในราคาที่ถูก อาจเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและใช้ได้ไม่นาน

เพราะฉะนั้น เวลาจะซื้อสินค้าอะไร ก็อย่านึกถึงแต่ราคาที่ถูกอย่างเดียว ควรจะคำนึงถึงการใช้งานในระยะยาวนะ จะได้คุ้มกับเงินที่เราเสียไป  (เหมือนกับคุณป้าคนนี้ ยอมเสียอีก 200 บาท ก็ได้สินค้าที่มีคุณภาพที่ดีกว่า)

5

12

_________________________________________________


ใส่ความเห็น

Please log in using one of these methods to post your comment:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s