ในที่สุด ผมก็ได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์ของ Star Twinkle Precure ซะที ถึงแม้ว่าจะไปชมช้ากว่าคนอื่นๆที่อยู่ในญี่ปุ่นก็ตาม !=__=! ซึ่งผมก็ไปดูที่โรงภาพยนตร์ Umeda Burg 7 ที่โอซาก้า
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมจะสรุปเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ Star Twinkle Precure แบบละเอียดเป็นข้อๆ (มีสปอยล์) พร้อมกับความเห็นส่วนตัวและสิ่งที่อยากจะบอกด้วย (สิ่งที่ผมเขียนบางส่วนอาจมีข้อมูลคลาดเคลื่อนได้เพราะผมชมเพียงแค่ครั้งเดียว ทั้งที่ใจจริงอยากจะชมสักสองรอบ แต่เนื่องจากเวลาที่ไม่ลงตัวนะ)
***รูปประกอบทั้งหมดก็เป็นรูปที่ผมถ่ายมาจากโรงภาพยนตร์ต่างๆในญี่ปุ่นและบางส่วนมาจาก Precure Pretty Store และพิพิธภัณฑ์ Toei Animation***
มาเริ่มกันเลย : )
1.ตัวละครหลักที่โฟกัสในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ Lala และ UMA (ยูม่า)
2.UMA พูดไม่ได้ แต่ใช้เสียงและท่าทางในการสื่อสารกับ Hikaru และ Lala (โดยเสียงของ UMA ที่ใช้นี้เป็นเสียงมาจากคีย์บอร์ด Synthesizer)
3.อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์พรีเคียวที่ดีที่สุดตลอดกาล เพราะการดำเนินเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง Climax ของตอนท้ายของภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ผมไปอ่านจาก Comment ต่างๆของคนญี่ปุ่นจากสื่อต่างๆแทบจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นภาพยนตร์พรีเคียวที่ดีที่สุด บางคนยังบอกว่าเป็น Masterpiece อีกด้วย
4.ถ้าคิดว่าฉาก Climax จะเป็นการต่อสู้เหมือนกับภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องก่อนๆละก็ บอกว่าไม่ใช่เลย เพราะฉาก Climax ที่ว่ามานี้ จะใช้เพลงเป็นตัวดำเนินเรื่องและเพลงนี้มีชื่อว่า Twinkle Stars (สามารถไปหาซื้อจากซีดีซิงเกิ้ลฟังได้จาก CDJAPAN)
5.ภาพยนตร์ Star Twinkle Precure มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษด้วย โดยใช้ชื่อว่า Star Twinkle Precure The Movie: Wish Upon A Song of Stars ถ้าเป็นภาษาไทยก็จะแปลว่า สตาร์ทวิงเกิ้ลพรีเคียวเดอะมูฟวี่: ความรู้สึกนึกคิดจากบทเพลงแห่งดวงดาว
6.เนื้อเรื่องเริ่มต้นจากการที่ดาวดวงหนึ่งได้แตกกระจายออกมาเป็นสะเก็ดย่อยๆ ซึ่งสะเก็ดย่อยๆเหล่านี้ก็จะเป็นดาวที่พร้อมจะถือกำเนิดเป็นดาวดวงใหม่ขึ้นมา
7.จากนั้นก็ตัดไปที่ฉากที่พวก Hikaru สู้กับพวก Tenjo ในอวกาศ และในระหว่างนั้นเอง Mary Ann ผู้เป็นตำรวจก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อที่จะมาจับ Uni ตามที่ได้รับมอบหมาย (ใครที่ดูจากตอนที่ 36 ในซีรี่ส์ก็จะรู้)
8.ในขณะที่สู้กับพวก Tenjo สะเก็ดดาวย่อยๆที่ว่ามาก่อนหน้านี้ได้ตกลงมาใส่ Lala และหนึ่งในสะเก็ดนั้นก็ได้หล่นใส่เข้าไปในผมของเธอ
9.หลังจากที่พวก Tenjo ถอยกลับไป Mary Ann ก็พยายามที่จะจับตัว Uni ให้ได้ เลยทำให้ Uni จำเป็นที่ต้องใช้ยานอวกาศของ Lala หลบหนีไปพร้อมกับ Prunce (ซึ่งอยู่ในยานอวกาศตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) และทำให้ Mary Ann ต้องขับยานของเธอตาม Uni ไปด้วย
10.ก็เพราะว่ายานอวกาศถูก Uni เอาไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ Lala จึงจำเป็นต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านของ Hikaru ชั่วคราวไปก่อน (ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมเคยทายไว้หลังจากที่ดูตอนแรกในซีรี่ส์จบ แม้ว่าจะเป็นการอาศัยชั่วคราวก็ตาม แต่ผมก็สงสัยว่าพวก Hikaru กลับไปบนโลกได้อย่างไรในเมื่อไม่มียานอวกาศแล้ว????)
11.ถัดมาในตอนเช้าจากฉากห้องนอนที่ Hikaru และ Lala กำลังหลับอยู่ สะเก็ดดาวที่หล่นใส่เข้าไปในผมของ Lala ก็ได้หลุดออกมาแล้วก็วิ่งวนเวียนไปมาในห้องนอน แต่สุดท้ายก็เข้าไปใน Gummy Case ของ Lala (เป็นกระเป๋าที่ใส่อาหารแห้งคล้ายๆเหมือนเยลลี่ที่ Lala ใช้ทานแทนในเวลาที่ไม่มีอาหารให้ทาน) และก็ถูกขังไว้
12.ในวันนั้นเอง Elena และ Madoka ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนที่โอกินาว่า (โดยนั่งเครื่องบินไป) แต่ Hikaru และ Lala ก็ต้องไปโรงเรียนตามปกติ เพราะมีแต่นักเรียนชั้นม.3 ที่ได้ไป (ใครที่ติดตามชมในซีรี่ส์ก็จะรู้ว่า Elena และ Madoka เป็นรุ่นพี่ Hikaru) แถมวันนั้น Hikaru และ Lala ก็ไปโรงเรียนสาย
13.ด้วยความที่ไม่ได้ทานอะไรมาเลยในตอนเช้า Hikaru จึงขอเยลลี่จาก Gummy Case ของ Lala มาทานสักชิ้นนึง Lala จึงยื่นให้และ Hikaru ก็หยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นซึ่งชิ้นนั้นที่ Hikaru หยิบขึ้นมาก็คือสะเก็ดดาวที่หลุดเข้าไปนั่นเอง (เยลลี่ใน Gummy Case ของ Lala มีรูปร่างเป็นดาว)
14.Lala สังเกตว่าเยลลี่ชิ้นนั้น (ซึ่งก็คือสะเก็ดดาว) ที่ Hikaru หยิบขึ้นมาทานมีรูปร่างไม่เหมือนชิ้นอื่นๆ จึงรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ เลยรีบห้ามไม่ให้ Hikaru ทานเข้าไป จังหวะนั้นเองเจ้าสะเก็ดดาวก็ดีดตัวออกจากมือของ Hikaru และแสดงท่าทางดุร้ายออกมา (คงอาจจะเป็นเพราะความกลัว) แต่สุดท้าย Hikaru ก็ทำให้มันใจเย็นลงได้และสะเก็ดดาวตัวนี้ก็ทำให้ Hikaru และ Lala ไปโรงเรียนได้ทันด้วยการเทเลพอร์ตนั่นเอง (ก็คือไปในสถานที่อีกแห่งหนึ่งในพริบตา อย่างที่เห็นในภาพยนตร์หรือนิยาย Sci-Fi)
15.หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนแล้ว Hikaru และ Lala ก็นั่งทานขนมในห้องนอนของ Hikaru และในช่วงเวลาเดียวกันเอง เจ้าสะเก็ดดาวก็ได้กลายร่างโตขึ้นมา Hikaru จึงตั้งชื่อเจ้าสะเก็ดดาวตัวนี้ว่า UMA (ย่อมาจาก Unidentified Mysterious Animal)
16.Hikaru พูดเหมือนกับเชิงอิจฉาว่า Elena และ Madoka ได้ไปเที่ยวโอกินาว่าและตัวเองอยากจะไปบ้าง UMA ที่เพิ่งจะกลายร่างได้ไม่นานก็สนองความต้องการของ Hikaru ด้วยการพาทั้ง Hikaru, Lala และ Fuwa ไปโอกินาว่าซะเลย โดยพาไปตามสถานที่ต่างๆในโอกินาว่าที่ Hikaru ต้องการ (ก็ด้วยการเทเลพอร์ตนี่แหละ)
17.Miracle Light (หรือแท่งโบกไฟที่ใช้เชียร์ให้พรีเคียวสู้ในหนังพรีเคียวทั้งหลาย) ที่ Hikaru ถืออยู่เป็นอันเดียวกับที่ Mary Ann ทำหล่นในตอนที่สู้กับ Tenjo
18.พอถึงคราวของ Lala ที่อยากให้ UMA พาไปเที่ยวในสถานที่ตัวเองต้องการบ้าง แต่เจ้า UMA กลับพาไปในสถานที่ที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของ Lala เลยทำให้ Lala โกรธเป็นอย่างมากและพลอยทำให้ UMA โกรธไปด้วยและ UMA ก็หนีไป ทำให้พวก Hikaru ต้องแยกย้ายวิ่งกันตามหา UMA
19.จน Lala ก็ไปเจอ UMA ซึ่งกำลังยืนฟังเพลงจากกล่องดนตรีในร้านค้าร้านนึง Lala พยายามพา UMA กลับไปซึ่ง UMA ก็ไม่ยอมกลับ แต่สุดท้ายก็พากลับไปได้
20.UMA ผู้ที่ถูก Lala พาให้กลับมาก็โกรธ Lala เป็นอย่างมากด้วยการตีหัว Lala พร้อมกับแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมา Lala ก็เลยทนไม่ไหวจึงต่อว่า UMA อย่างแรง ยิ่งทำให้ UMA โกรธมากขึ้นไปอีก
21.Lala ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับเจ้า UMA แต่ทันใดนั้นเอง Lala ก็นึกถึงทำนองเพลงจากกล่องดนตรีที่ UMA ฟังจากที่ร้าน Lala จึงร้องฮัมทำนองของเพลงนั้นออกมาทำให้ UMA ใจเย็นลงและมาง้อขอคืนดีกับ Lala ซึ่งเธอก็ยอมคืนดีและหายโกรธ
22.ด้าน Hikaru ซึ่งได้เจอกับ Elena และ Madoka (ที่บังเอิญช่วย Fuwa ไว้ในระหว่างที่ตามหา UMA) ก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง และแล้ว Lala ก็ปรากฏตัวกลับมาพร้อมกับ UMA ทำให้ทุกคนโล่งใจ
23.Madoka ที่เพิ่งจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ UMA ก็ซื้อกล่องดนตรีจากร้านที่ UMA เคยไปให้เป็นของที่ระลึก ทำให้ UMA ดีใจ และก่อนที่พวก Hikaru จะแยกย้ายกับ Elena และ Madoka ทั้งหมดก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าเคยมาโอกินาว่าด้วยกัน
24.ก่อนที่จะกลับบ้าน พวก Hikaru ได้มาที่ชายทะเลแห่งหนึ่งในโอกินาว่าและระหว่างที่ฟังเพลงจากกล่องดนตรีที่ UMA เปิดอยู่ Hikaru ก็จำได้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่คุณแม่ของเธอเคยร้องกล่อมให้ฟังในตอนที่เธอยังอายุน้อย ซึ่งเพลงนี้มีชื่อว่า Nagareboshi no Uta (โดยเป็นส่วนหนึ่งของเพลง Twinkle Stars ซึ่งสามารถได้ยินจากตอนต้นของเพลง ถ้าจะแปลความหมายก็ประมาณว่าการขอพรจากดวงดาวให้เป็นตามที่ปรารถนา) และ Hikaru ก็ร้องเพลงนี้ให้ Lala ฟัง
25.ในวันถัดมา พวก Hikaru ก็ออกเดินทางไปเที่ยวรอบโลกด้วยพลังของการเทเลพอร์ตจาก UMA โดยไปตามสถานที่หลายแห่งซึ่งไปเป็นไปอย่างที่เห็นจากหนังตัวอย่าง
26.ทางฝั่ง Uni กับ Prunce ที่ถูก Mary Ann ตามตัวได้บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ก็ได้พบกับกลุ่มนักล่าเอเลี่ยน (ซึ่งก็เป็นกลุ่มที่ทาง Mary Ann ตามหาเหมือนกัน) และกลุ่มนักล่าเหล่านี้ก็มุ่งไปสู่โลกด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นก็คือการจับตัว UMA นั่นเอง
27.Hikaru และ Lala ผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่กลุ่มนักล่าเอเลี่ยนจะมาจับ UMA ก็ไม่รอช้าที่จะแปลงร่างเป็นพรีเคียวพร้อมกับ Elena และ Madoka ที่เพิ่งกลับมาจากโอกินาว่า และ Uni ที่ตามกลุ่มนักล่าเอเลี่ยนมา (สำหรับฉากในการต่อสู้ ไม่ขอพูดถึงรายละเอียดละกันนะ)
28.ด้วยความช่วยเหลือจากปากการาศีองค์หญิงทั้งหลาย (ที่ตามหาจากในซีรี่ส์) พรีเคียวทั้ง 5 คนจึงใช้ปากกาเหล่านี้แปลงร่างไปสู่ในชุดราศีฟอร์มต่างๆ (ซึ่งก็สามารถดูได้จากคลิปนี้) เพื่อต่อสู้กับเหล่านักล่าเอเลี่ยน แต่สุดท้ายก็ต่อสู้สำเร็จและ Mary Ann ก็เข้าจับตัวเหล่านักล่าเอเลี่ยนทั้งหมดได้
30.และความจริงก็ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ Mary Ann บอกกับทุกคนว่าแท้จริงแล้ว UMA เป็นเศษสะเก็ดของดาวดวงหนึ่งที่แตกออกมา ซึ่งสะเก็ดเหล่านี้ก็จะถือกำเนิดเป็นดาวดวงใหม่และจะต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ควรจะเป็น (ซึ่งนั่นก็คือกลับไปอยู่ในระบบสุริยะตามที่ผมเข้าใจนะ) ซึ่งทำให้ Lala เสียใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่อยากจะจากกับ UMA
31.ท่ามกลางความเศร้า Burn หนึ่งในกลุ่มนักล่าเอเลี่ยนก็ใช้โอกาสนี้จับตัว UMA และพยายามที่จะลักพา UMA ไป ทำให้ UMA โกรธขึ้นมาอย่างแรงและก็กลายร่างตัวเองให้ใหญ่ขึ้นและบินหนีขึ้นไปในอวกาศ ทำให้ทุกคนต้องตาม UMA ไป (โดยใช้ยานอวกาศของ Lala ที่ Uni เพิ่งจะเอามาคืน)
32.และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ UMA กลายไปเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง, มืดหม่นและโหดร้าย พร้อมที่จะโจมตีกับใครก็ตามที่เข้าหาและตรงนี้นี่เองก็มีเหล่านักล่าเอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆปรากฏตัวอีกด้วย แต่ก็ถูก UMA โจมตีเข้าใส่
33.พวก Hikaru จึงจำเป็นต้องแปลงร่างอีกครั้งเพื่อที่จะช่วย UMA (ตรงนี้เองก็มีการแปลงร่างไปเป็นชุดราศีอีกฟอร์มนึง) แต่ในที่สุด Hikaru และ Lala ก็สามารถเข้าไปในตัวของ UMA ได้
34.UMA ที่ตอนนี้เป็นดาวเคราะห์แห่งความสิ้นหวังก็โจมตี Hikaru และ Lala จนทั้งสองก็กลายร่างจากพรีเคียวไปสู่ร่างปกติและจมลงไปในท้องทะเล
35.ตัดมาที่ Lala ที่จมอยู่ในทะเลได้เห็น Miracle Light ที่ตัวเองพกไว้ที่หล่นออกมาเกิดประกายแสงขึ้นมา เธอจึงตัดสินใจร้องเพลง Nagareboshi no Uta (ที่เป็นเพลงที่ UMA ชอบ) ขึ้นมาอีกครั้ง (เพราะ Hikaru ได้ร้องให้เธอฟังแล้ว เธอจึงรู้เนื้อร้องของเพลง) พร้อมกับ Hikaru และ UMA ก็ตอบสนองและทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาและจากตรงนี้ก็จะเข้าสู่เพลง Twinkle Stars
36.ฉาก 3D ในเพลง Twinkle Stars ที่เห็นได้จากเวอร์ชั่นทีวี เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้ทางทีมผู้สร้างจัดเต็ม ใบ้ให้ว่ารายละเอียดของฉากบางส่วนในเพลงเป็นสถานที่ที่ UMA เคยไปเที่ยวกับ Hikaru และ Lala
37.เพลง Twinkle Stars ใช้เป็นตัวสื่อถึงความรู้สึกของ Hikaru และ Lala (พร้อมกับคนอื่นๆ) ที่มีต่อ UMA ว่าฉันรักและห่วงใยเธอมากขนาดไหนและจะไม่มีวันลืมกัน แม้ว่าจะต้องจากกันก็ตาม
38.หลังจากที่เพลง Twinkle Stars จบ UMA ก็กลายเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยความสดใสและสวยงาม และก็ขอบคุณ Hikaru และ Lala ที่ช่วยเหลือไว้
39.UMA มีร่างที่เป็นมนุษย์หญิง
40.ท้ายสุด Uni ก็ไม่ถูก Mary Ann จับตัว : )
41.ฉากจบหลัง End Credits ของภาพยนตร์ก็จะเป็นฉากที่ Hikaru และคนอื่นๆจัดปาร์ตี้ทานเค้กบนหอคอยดูดาว (ที่คุณลุง Ryoutarou เป็นผู้ดูแล) หลังจากที่กลับมาบนโลกแล้ว และ Lala ก็มองบนท้องฟ้าด้วยความที่คิดถึงที่มีต่อ UMA
และภาพยนตร์ก็จบเพียงเท่านี้……..
ทีนี้มาดูความเห็นและสิ่งที่ผมอยากจะบอกเกี่ยวกับภาพยนตร์ Star Twinkle Precure นี้กัน
42.บอกตามตรงว่าความรู้สึกหลังจากที่ชมจบ ภาพยนตร์ Star Twinkle Precure ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับตอนที่ชมภาพยนตร์ DokiDoki! Precure ขึ้นมาเลย อาจเป็นเพราะเนื้อเรื่องที่คล้ายคลึงกันซึ่งก็คือเรื่องของความผูกพัน (DokiDoki! จะเน้นในความผูกพันเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆที่เป็นความทรงจำดีๆให้คนคิดถึง ส่วน Star Twinkle จะเน้นในความผูกพันเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนจนกลายเป็นความรัก)
43.ทีมงานผู้สร้างมีความใส่ใจสำหรับรายละเอียดเป็นอย่างมากสำหรับฉากที่ UMA พา Hikaru กับ Lala ไปเที่ยวรอบโลก โดยเฉพาะฉากที่วิ่งบนน้ำและฉากแสงเหนือ
44.เอกลักษณ์ที่ผมชอบเกี่ยวกับ UMA ก็คือ UMA พูดไม่ได้ แต่ใช้เสียงซึ่งเหมือนกับเสียงดนตรีที่ใช้ในการสื่อสารพร้อมกับแสดงท่าทางไปด้วยหรือจะเรียกว่าเป็นอวัจนภาษาก็ได้
45.ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เหมาะเฉพาะเด็กเพียงอย่างเดียว แต่เหมาะสำหรับทุกคน ทุกวัย แม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็ตามและผมว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในปี 2019
46.หากจะให้สรุปเป็นประโยคสั้นๆหลังจากที่ชมภาพยนตร์จบ ผมก็คงจะใช้ประโยคที่ว่า “ฉันรักเธอ” ดังที่ผมได้วาดรูปเจ้า UMA ในรูปล่าง พร้อมกับเขียนข้อความ “I Love You” ที่พิพิธภัณฑ์ Toei Animation ที่ผมไปมาครั้งล่าสุด
47.ถ้าจะเปรียบความสัมพันธ์ระหว่าง Lala และ UMA ก็คงจะคล้ายความสัมพันธ์แบบแม่ลูกที่ต้องอบรมเลี้ยงดูแลลูกเพื่อให้เติบโตไปในทางที่ดี
48.สังเกตให้ดีว่าตัวภาพยนตร์มีการโฆษณาไอศกรีมยี่ห้อ BLUE SEAL ที่ Elena กับ Madoka ทาน ซึ่งไอศกรีมนี่ห้อนี้มีอยู่จริงและผมก็ได้ไปทานมาแล้ว (ไว้ผมค่อยมาเขียนเกี่ยวกับไอศกรีม BLUE SEAL ต่างหากก็แล้วกัน)
49.การใช้ราศีทั้ง 12 มาเป็นชุดฟอร์มที่ใช้ในการต่อสู้เป็นอะไรที่สร้างสรรค์มาก
50.ภาพยนตร์ Star Twinkle Precure นี้ มีทั้งหลายเหตุการณ์ที่สามารถอารมณ์ให้กับผู้ชมได้ ไม่ว่าจะตลก, สุข, เบิกบานหรือเศร้าใจแบบดราม่าก็ตาม
51.ภาษาดนตรีเป็นภาษาสากล เพราะภาษาของมันก็จะมีทั้งเสียงต่ำและสูงที่สามารถสื่อถึงอารมณ์และความคิดที่ใครๆก็สามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดเลย เหมือนกับที่ UMA สื่อสารกับ Hikaru และ Lala
52.ฉากที่ Hikaru และ Lala กำลังแปลงร่างเป็นพรีเคียวอีกครั้งในขณะที่เริ่มร้องเพลง Twinkle Stars เป็นหนึ่งในฉากไฮไลท์ที่ดีที่สุดในภาพยนตร์ (ใครนึกไม่ออกว่าฉากนี้จะเป็นแบบไหนก็ไปดูได้จากคลิปนี้)
53.มีแมวอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะ : ) อาจเป็นเพราะว่าผู้กำกับ Yuta Tanaka เลี้ยงแมวอยู่แล้ว ก็คงอยากจะใส่แมวเข้าไปในเรื่องด้วย (Twitter ของเขาคือบัญชีนี้)
54.ถ้าใครสังเกตให้ดี มีการนำสิ่งของอื่นที่เคยอยู่ในซีรี่ส์พรีเคียวภาคก่อนๆมาใส่ลงในภาพยนตร์ด้วย
55.เพลง Twinkle Stars เวอร์ชั่นที่ Rina Chinen ร้องในตอนท้ายของภาพยนตร์ แม้ว่าตัวเพลงจะยาวแค่เพียง 2 นาที แต่ก็ให้อารมณ์ได้ไม่แพ้เวอร์ชั่นที่พรีเคียวทั้ง 5 คนร้อง
56.แม้ว่าภาพยนตร์ Star Twinkle Precure จะมีอะไรดีอยู่เยอะ แต่ก็มีข้อเสียอยู่บางส่วนเหมือนกันตามความเห็นของผม
57.อย่างแรกก็คือเหล่าวายร้ายที่เป็นนักล่าเอเลี่ยนที่มาตามจับ UMA แม้ว่ารูปลักษณ์ของสมาชิกแต่ละรายจะดูโหด แต่ผมรู้สึกว่ายังไม่โหดมากเท่าไหร่ อีกอย่างเหล่าวายร้ายทีมนี้ก็ดูเหมือนไม่มีหัวหน้าทีมที่เป็นผู้นำที่เด่นชัด (แม้อาจมองว่า Burn คือหัวหน้าทีม) มันก็เลยทำให้ทีมเหล่าวายร้ายดูไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ 100% ถ้ามีหัวหน้าผู้นำก็อาจน่าสนใจกว่านี้
58.ข้อเสียอย่างที่สองก็คือดนตรีประกอบภาพยนตร์บางส่วน บอกตามตรงว่าผมชอบดนตรีประกอบในภาพยนตร์เป็นอย่างมาก (ถึงแม้ว่าจะมีการใช้ซ้ำจากในซีรี่ส์บางส่วน) โดยเฉพาะฉากที่ UMA พา Hikaru และ Lala ไปเที่ยวรอบโลก (ซึ่งตรงกับแทร็กที่ 12 จากซีดี Soundtrack) แม้ว่าภาพรวมของดนตรีประกอบจะดูดี แต่รู้สึกว่าดนตรีที่บรรเลงในฉากบางส่วนยังไม่มีความหนักแน่นพอและให้อารมณ์ยังไม่เพียงพอ
59.ถ้าจะให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมขอให้ 4.25 / 5 ก็แล้วกัน
…………………..
และก็เป็นอันจบสำหรับการรีวิวภาพยนตร์ Star Twinkle Precure: : 映画スター☆トゥインクルプリキュア 星の歌に想いをこめて ใครที่อยู่ญี่ปุ่นก็สามารถไปชมกันตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ (ตรวจสอบรายชื่อโรงภาพยนตร์ที่เข้าฉายจากลิงก์นี้) เพราะช่วงเวลาที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ ภาพยนตร์ก็ยังฉายอยู่ แต่รอบฉายอาจจะไม่เยอะเท่ากับสัปดาห์แรกๆ ยังไงก็เช็คดูตารางฉายในแต่ละวันให้ดีละกันก่อนที่จะไปชม
และส่วนใครที่ไม่สามารถไปชมได้ ก็ต้องรอ DVD และ Blu-Ray วางจำหน่ายออกมา (UPDATED 2020: จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2020 ใครสนใจก็ไปดูรายละเอียดได้ที่ CDJAPAN)
ส่งท้ายด้วยรูปโปรโมทต่างๆจากตัวภาพยนตร์ที่ผมถ่ายมาให้ดูก็แล้วกันนะ : )
____________________________________