ผมไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับหลายๆคนที่อ่านมั๊ย?? แต่ก็อยากจะบอกว่าเรื่องแบบนี้ผมเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว ทั้งกับตัวเองและจากคนอื่นที่เล่าให้ฟังมาอีกที
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน (ในช่วง Covid-19 นี่แหละ) ซึ่งเกิดขึ้นกับญาติของผมเอง และญาติผมก็มาเล่าให้ฟัง…….
เรื่องมันมีอยู่ว่า ญาติของผมมีลูกจ้างอยู่คนนึง ซึ่งลูกจ้างคนนี้ไม่ได้อยู่ประจำ เพราะตัวเขาเองก็รับงานภายนอกไปด้วย (จะเรียกว่ากึ่งๆ Freelance ก็ได้นะ) แต่ส่วนมากเขาจะทำงานกับญาติผมเป็นหลัก โดยงานส่วนมากที่ทำกับญาติผมก็จะเป็นงานซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ และตัวเขาก็มีฝีมือทักษะในการซ่อมของเก่งมาก
และเนื่องจากฝีมือทักษะในการซ่อมที่เก่ง ก็ทำให้ตารางงานของเขาในแต่ละวันเต็มไปด้วยข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆจากลูกค้าหลายรายเพื่อที่จะรอให้เขาซ่อมให้
และอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าผลกระทบจาก Covid-19 ในขณะนี้ ก็ทำให้ลูกจ้างหลายๆคนในหลายสาขาอาชีพก็ต้องหยุดงานชั่วคราว (ตามที่เห็นจากแหล่งข่าวต่างๆ)
ซึ่งก็รวมไปถึงลูกจ้างของญาติผมคนนี้ด้วย ที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีงานซ่อมเยอะเหมือนเมื่อก่อน ส่วนงานอื่นๆที่เขาไปรับมาจากภายนอกก็แทบจะไม่มีเช่นกัน (เพราะต่างก็ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เหมือนกัน)
และในเมื่อเขาไม่มีงานซ่อม ก็เท่ากับว่ารายได้ค่าจ้างจากการซ่อมก็จะไม่มีตามไปด้วย
**(ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าจ้าง ผมไม่รู้นะว่าญาติของผมเขาจ่ายค่าจ้างแบบไหนให้กับลูกจ้างคนนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมจึงไม่ขอพูดถึงละกัน)**
ทางด้านญาติของผมในฐานะที่เป็นนายจ้าง (ก็เหมือนจะกึ่งๆนะ) ก็คิดอยู่ว่าพอจะช่วยลูกจ้างคนนี้ที่จะทำงานอะไรอย่างอื่นแทนได้มั๊ยในภาวะแบบนี้??? เพราะตัวลูกจ้างคนนี้เองก็บ่นกับญาติผมว่ารายได้ไม่ค่อยพอใช้ อยากหางานอย่างอื่นชั่วคราวทำไปก่อน
ซึ่งสุดท้าย ญาติผมก็คิดออกว่าจะให้ลูกจ้างคนนี้ทำอะไรแทน…….
นั่นก็คือไปทำงานสวนนั่นเอง (แบบว่าตัดหญ้า, ตัดกิ่งไม้นะ) ซึ่งลักษณะตัวงานก็ถือว่าต่างกันกับงานซ่อมเยอะเลย
เพราะลูกจ้างคนนี้เคยบอกกับญาติผมว่า เขาสามารถทำงานสวนได้เหมือนกัน (แต่ก็เป็นงานสวนแบบง่ายๆนะ)
ญาติผมก็เลยถามลูกจ้างคนนี้ว่า อยากจะทำงานสวนแบบชั่วคราวก่อนมั๊ย?? เพราะยังไงช่วงนี้ก็ไม่มีงานซ่อมอยู่ดี
ลูกจ้างคนนี้ก็คิดสักพักนึง ก่อนที่จะตอบตกลงว่าจะทำงานสวนแบบชั่วคราวก่อนละกัน….
ญาติผมจึงพาลูกจ้างคนนี้ไปทำงานที่สวนของคนที่ญาติผมรู้จักคนนึง ซึ่งเป็นสวนขนาดเล็กที่เจ้าของคนนี้ทำไว้เป็นงานอดิเรก (บังเอิญว่าเจ้าของเขาปล่อยให้หญ้าและกิ่งไม้ขึ้นเต็มไปหมด เพราะไม่มีเวลาว่างที่จะตัดนะ และตัวเจ้าของก็อยากจัดสวนใหม่ด้วย)
ส่วนค่าจ้างนั้น ก็ให้เจ้าของสวนเป็นคนจ่ายให้ เพราะญาติผมแค่ทำหน้าที่เป็นคนแนะนำและพามาส่ง (แต่แค่มาส่งเฉพาะครั้งแรกครั้งเดียว ครั้งต่อไปให้ลูกจ้างมาเอง เพราะรู้แล้วว่ามาอย่างไร)
ญาติของผมเล่าให้ฟังอีกว่าเจ้าของสวนโทรมาบอกว่าช่วงแรกๆ ลูกจ้างคนนี้ก็ทำงานสวนได้ดี แต่ช่วงหลังๆ เจ้าของสวนโทรมาบอกญาติผมว่าลูกจ้างคนนี้เริ่มแสดงนิสัยและพฤติกรรมเหมือนกับจะบอกว่าตัวเขาเหนื่อยมากจากการทำงานและนั่งพักบ่อยเกินไป
ที่สำคัญก็บ่นว่าร้อนด้วย ทั้งที่เจ้าของสวนอุตส่าห์ให้ทานอาหารและน้ำฟรี เพราะตอนมาครั้งแรกไม่เห็นจะบ่นอะไรแบบนี้เลย แต่ญาติผมก็ไม่ได้ว่าอะไร คงคิดว่าอาจจะไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้มาเป็นเวลานานก็เลยต้องมีบ่นบ้าง
แต่เรื่องก็ไม่ได้จบเพียงแค่นี้….
เพราะเจ้าของสวนยังบอกกับญาติผมอีกว่า พักหลังๆพฤติกรรมของลูกจ้างคนนี้เวลาที่ทำงานสวนก็ดูเหมือนกับไม่ค่อยเต็มใจที่อยากจะทำเท่าไหร่ (คล้ายๆกับว่าทำไปทำไปอย่างนั้นแหละ) แถมงานที่ให้ทำก็ดูไม่ค่อยเรียบร้อยด้วย ต้องเสียเวลาเรียกให้มาทำใหม่อีก
และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ครั้งล่าสุดที่เจ้าของสวนนัดให้ลูกจ้างคนนี้มาทำงาน ตัวลูกจ้างก็ไม่มาอีกเลย เพราะเจ้าของสวนนัดมาให้ตั้งแต่ 9:00 แต่พอผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ลูกจ้างคนนี้ก็ยังไม่มา เลยทำให้ญาติผมก็ต้องโทรไปถาม ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากลูกจ้างด้วยเหตุผลที่อ้างว่า……
ทำไม่ไหวและเหนื่อย เลยไม่อยากมาทำอีกแล้ว !+__=!
ทำให้ญาติผมต้องโทรไปขอโทษเจ้าของสวนคนนี้ที่ต้องทำให้รอคอยเสียเวลา ยังดีที่เจ้าของสวนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่สงสัยว่าทำไมถึงไม่มา ทั้งที่นัดไว้แล้วว่าจะมา แต่เจ้าของสวนก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาคนอื่นมาทำแทนได้
ส่วนญาติของผม ก็ต้องโทรไปต่อว่าลูกจ้างคนนี้ที่ไม่ยอมมาตามนัด เพราะถ้าหากรู้ว่าตัวเองทำแล้วทำไม่ไหว ก็ควรที่จะบอกไปตั้งแต่แรก ไม่ใช่พอให้ถึงวันทำงานก็ไม่มา (ส่วนเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับทำงานไม่ดี ผมไม่รู้นะ)
และสำหรับค่าจ้างที่ลูกจ้างคนนี้ที่ทำสวน ผมไม่รู้ว่าเขาได้รับค่าจ้างทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ที่รู้แน่ๆคือ ถ้าหากรายได้ที่ได้รับมาจากการทำสวนยังไม่พอกับรายจ่ายละก็ ตัวเขาเองก็คงต้องไปหางานชั่วคราวอย่างอื่นทำแทน เพราะญาติผมจะไม่ช่วยอีกแล้ว ถือว่าอุตส่าห์ช่วยหางานให้ทำในภาวะแบบนี้ แต่กลับมาทำพฤติกรรมและนิสัยที่ไม่ดีแบบนี้อีก
หลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องนี้จากญาติผมจบ ผมก็มานั่งคิดดูว่าทำไมลูกจ้างคนนี้ถึงไม่ค่อยเต็มใจที่อยากจะทำงานสวน (ที่เป็นงานชั่วคราว) ทั้งที่เขาก็ทำงานสวนได้
สำหรับเรื่องที่บอกว่าทำไม่ไหวและเหนื่อยนั้น ผมว่านั่นอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะถ้าเกิดทำงานสวนไม่ไหวและเหนื่อยจริงๆ ก็บอกเจ้าของสวนไปตรงๆว่าวันนี้ขอทำงานแค่นี้ก่อนละกัน ค่าจ้างไม่ต้องให้เต็มก็ได้ อะไรแบบนี้ และค่อยโทรมานัดให้มาทำวันอื่นทีหลัง ไม่ใช่ทิ้งงานไปเลยโดยที่ไม่ได้บอกอะไร
แต่ที่ผมคิดว่าสาเหตุที่ลูกจ้างคนนี้ไม่เต็มใจที่อยากจะทำงานสวน (ทั้งที่เขาก็มีความสามารถที่จะทำได้) ก็คือการทำงานที่ต้องทำอยู่ในที่ที่เป็นกลางแดดซึ่งก็อาจจะทำให้เขาบ่นว่าร้อนและเหนื่อย ซึ่งตัวเขาเองก็คงอาจไม่คุ้นชินกับการทำงานที่ต้องมาทำงานแบบนี้ (ต่างจากงานซ่อมที่เขาสามารถทำในห้องที่ร่มที่ไม่ต้องกลัวว่าร้อน เพราะมีพัดลมหรือแอร์ช่วยให้คลายร้อน)
และผมก็เดาว่าตอนที่ลูกจ้างคนนี้ตอบตกลงกับญาติผมที่จะทำงานสวนก็อาจคิดว่าทำงานสวนคงจะได้ทำงานในที่ร่มๆไม่ต้องอยู่กลางแดดตลอด แต่สิ่งที่เขาต้องทำก็เป็นสิ่งที่เขาคิดผิด !+___=!
เอาเป็นว่ามันก็อาจไม่ใช่เรื่องผิดที่ลูกจ้างคนนี้ไม่อยากจะทำงานสวนที่ต้องทำอยู่กลางแดด แต่ก็ผิดที่ลูกจ้างคนนี้ทิ้งงานสวนไปโดยที่ไม่ได้บอกเจ้าของหรือญาติผมให้รับรู้เลย แม้ว่าจะเป็นงานชั่วคราวก็ตาม
ผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ ลูกจ้างคนนี้ของญาติผมสามารถหางานชั่วคราวงานอื่นได้หรือเปล่า?? แต่ก็คิดว่างานชั่วคราวงานนั้นที่เขาอาจหาได้ ก็คงจะทำให้เขาพอใจกับงานที่ได้ทำนะ และหวังว่าอีกไม่นานเขาคงจะได้กลับไปทำงานซ่อมกับญาติผมโดยเร็ว หลังจากที่ Covid-19 คลายลงแล้ว : )
____________________________