ไม่ว่าฝนจะตกหนักและลมจะพัดแรงเท่าไหร่ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้……………….

สืบเนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผมอยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย…….

คือในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หลายคนคงจะได้ติดตามข่าวทางด้านสภาพอากาศที่ในช่วงนี้มีฝนตกหนักมากในหลายๆพื้นที่ เนื่องจากอิทธิพลของพายุลูกต่างๆที่พัดผ่านเข้ามา

แน่นอนว่าสภาพฝนตกที่หนักแบบนี้ก็คงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะมันส่งผลกระทบและทำให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินชีวิต

โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของน้ำท่วม ที่ได้สร้างความเสียหายมากในหลายพื้นที่ในหลายประเทศ ซึ่งก็คงจะได้เห็นภาพจากรายงานตามแหล่งข่าวต่างๆว่าสภาพในพื้นที่เหล่านี้เป็นอย่างไร และหวังว่าสถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆเหล่านี้คงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

แต่ในส่วนของพื้นที่ที่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของน้ำท่วม ก็อาจจะเจอผลกระทบและปัญหาอื่นๆตามมาที่เกี่ยวกับบ้านที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของหลังคารั่ว, ฝ้าเพดานทะลุลงมา, ท่อระบายน้ำอุดตัน และอื่นๆ อันเป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักบวกกับลมที่พัดแรงมาก

คือต่อให้ในบริเวณพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ไม่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ทำให้เกิดน้ำท่วม ก็อาจได้รับผลกระทบและปัญหาเหล่านี้แทนจากที่ผมได้กล่าวไป และผมก็เคยเจอกรณีแบบนี้มาแล้วในอดีต

ซึ่งผมอยากบอกว่าสภาพอากาศที่ฝนตกลงมาบวกกับลมที่พัดมาจากพายุในปีนี้ ดูเหมือนจะหนักกว่าในปีที่ผ่านๆมา

เพราะในส่วนพื้นที่บริเวณที่ผมอาศัยอยู่ ในช่วงเวลาแบบนี้ประมาณทุก 3 – 4 วัน จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักบวกกับลมที่พัดมาในระดับที่แรงมาก

ตัวฝนก็ตกแบบหนักด้วยเสียง ชู่ ชู่ ชู่ หนักแบบได้ยินเสียงถึงภายในบ้าน ขนาดปิดหน้าต่างก็ยังได้ยินเลย

ส่วนลมที่พัดมาในระดับแรงที่ผมว่ามานี้ ก็คล้ายๆกับไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น (ไปค้นหาวิดีโอดูได้) คือไม่ได้ถึงขั้นแบบไต้ฝุ่น แต่สภาพที่ผมเห็นด้วยตาตัวเองมันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นไต้ฝุ่นจริงๆ เพราะแรงของลมมันทำให้ร่มที่ผมกางทิ้งไว้ลอยปลิวไปได้เลย (ดีที่ผมคว้าไว้ได้ทัน) อีกทั้งแรงของลมก็ทำให้กิ่งของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆหักไปด้วย !0__0!

นี่ขนาดผมแค่พูดว่าลมมันพัดมาแรงมากคล้ายๆไต้ฝุ่น แล้วไต้ฝุ่นของจริงมันจะเป็นแบบไหนกัน???

และในช่วงเวลาแบบนี้ทุกครั้ง หลังจากที่ฝนได้หยุดตก ผมเองก็ต้องรีบเช็คตามจุดต่างๆในบ้านที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบและปัญหาตามมา (ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว) โดยเฉพาะรางน้ำและท่อระบายน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับหลังคา หากมีอะไรที่อุดตันค้างอยู่ก็ต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง

………………

เอาเป็นว่า ที่ผมเขียนขึ้นมานี้ก็เพื่อที่จะบอกเตือนตัวเองไม่ให้ลืมว่า…..

ไม่ว่าฝนจะตกหนักและลมจะพัดแรงเท่าไหร่ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้

แม้ว่าในที่สุดฝนและลมแต่ละชุดที่เกิดขึ้นจะผ่านพ้นและจากเราไปแล้วในวันนี้ ในวันข้างหน้าก็ต้องมีฝนและลมชุดใหม่ตามมา ขึ้นอยู่กับว่าฝนและลมแต่ละชุดจะตกและพัดมาแรงหนักขนาดไหน (อยู่ที่อิทธิพลของพายุด้วย)

ถ้าตกและพัดมาแบบเบาๆ ก็ไม่ต้องห่วงมาก

แต่ถ้าตกและพัดมาแบบแรงๆ หนักๆ อันนี้ก็ต้องคอยเฝ้าระวังและต้องนึกถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ได้เลยในเรื่องที่เกี่ยวกับฝนที่ตกหนักและลมที่พัดมาแรงที่เกิดจากพลังของธรรมชาติที่ต้องเรียกว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เหมือนกับในภาษาอังกฤษที่บอกกันว่า…….

“Do Not Underestimate the power of mother nature” ที่แปลว่าอย่าประเมินหรือดูถูกพลังของธรรมชาติต่ำเกินไป

เพราะในบางครั้งพลังของมันนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราอาจคาดไม่ถึง

________________________