คือถ้าผมเขียนเรื่องนี้ในสถานการณ์ปกติก่อนที่โควิดจะระบาด ผมก็คิดว่าอาจมีคนบางส่วนหัวเราะเยาะกับสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้…….
ซึ่งหลายๆคนก็น่าจะรู้กันแล้วว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินเฟ้อที่ทำให้หลายๆคนต้องจ่ายค่าสินค้าและค่าบริการในราคาที่แพงยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งก็ทำให้คนบางส่วนเลือกที่จะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และสถานการณ์แบบนี้ก็ส่งผลให้คนบางส่วนที่ทำกิจการเป็นของตัวเอง (ที่ตัวเองเป็นนายจ้าง) ต้องมีการทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะประคองกิจการให้อยู่รอดได้ (ซึ่งสถานการณ์โควิดที่ยังคงดำเนินอยู่ ก็มีผลกระทบไปแล้วส่วนหนึ่ง) โดยเฉพาะยอดขายที่ตกลง หรือกำไรที่ได้มานั้นน้อยมาก

สำหรับวิธีการที่นายจ้างจะทำให้กิจการของตัวเองให้อยู่รอดไปได้นั้น ผมคงจะไม่เอามาพูดในนี้ เพราะนายจ้างแต่ละคนก็ต้องมีวิธีการของตัวเองที่คิดว่าดีที่สุด และไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าทำกิจการหรือธุรกิจอะไร
แต่มันก็มีวิธีการอยู่วิธีนึงสำหรับการที่นายจ้างจะประคองกิจการให้อยู่รอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งวิธีนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร และวิธีนี้ผมก็เคยเจอมาด้วยตัวเอง
นั่นก็คือ การให้ลูกจ้างหยุดงานได้มากขึ้นตามความต้องการ
อย่างที่ได้บอก วิธีการแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือโควิด วิธีนี้สามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ปกติ เช่นลูกจ้างขอหยุดงานยาวไปเลยเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อที่จะไปทำธุระส่วนตัวหรือไปศึกษาอบรมอะไรก็ตามแต่โดยที่ไม่รับค่าจ้าง (คงไม่ต้องบอกรายละเอียดลึกลงไปกว่านี้)
แต่ที่ผมเอาเรื่องแบบนี้มาเขียน ก็เพราะว่าวิธีแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับนายจ้างบางคนที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลย
โดยเฉพาะนายจ้างประเภทที่ไม่ค่อยอยากให้ลูกจ้างหยุดงานสักเท่าไหร่ (ถ้าไม่จำเป็น) หรือนายจ้างที่มีลูกจ้างที่ชอบหยุดงานบ่อยอะไรแบบนี้ที่ทำให้นายจ้างไม่พอใจขึ้นมาได้ (ส่วนกรณีที่ลูกจ้างหยุดงานเพราะป่วย อันนั้นเป็นอีกเรื่องนึง)
**ถ้าจะให้ตีความหมายก็คือ การดำเนินกิจการของนายจ้างเหล่านี้ในอดีตน่าจะไม่เคยได้รับผลกระทบที่หนักมากก่อนที่จะเจอสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่หรือสถานการณ์โควิด**
คือต้องบอกว่า “นายจ้าง” ตามที่ผมได้บอกไปข้างต้น ส่วนมากจะเป็นนายจ้างที่มีกิจการเล็กๆและมีลูกจ้างเพียงแค่ไม่กี่คน (อันนี้จากประสบการณ์ที่ผมเคยเจอ) ซึ่งถ้าเกิดตัวลูกจ้างหยุดงานไปก็อาจส่งผลกระทบต่อการงานที่จะต้องทำ (ที่ไม่สามารถหาคนอื่นมาทำแทนได้ หรือจะหาคนมาแทนก็ยาก) เช่นอาจไม่มีคนประกอบสินค้า, อาจไม่มีคนมาคุยกับลูกค้าทางโทรศัพท์ หรืออาจไม่มีคนซ่อมสินค้า เป็นต้น
ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายจ้างทั้งหลายที่เจอลูกจ้างแบบนี้ก็คงไม่พอใจแน่

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ตามที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่แรก ก็อาจทำให้นายจ้างไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากใช้วิธีนี้ ก็คือคุยกับลูกจ้างให้รับรู้แบบตรงๆไปเลย และตกลงกันว่าอยากจะหยุดวันไหนก็บอก หรือไม่ก็เลือกเฉพาะวันที่อยากมาทำงาน เช่นเดิมเคยทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ อาจจะทำงานเหลือแค่เพียง 3 วันต่อสัปดาห์แบบนี้ ส่วนวันที่เหลือก็หยุดไป
และการใช้วิธีนี้ก็ย่อมต้องมีเงื่อนไขสำคัญข้อนึง นั่นก็คือให้ลูกจ้างหยุดงานโดยที่ไม่รับค่าจ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง (อย่างน้อยก็ทำให้นายจ้างมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงไป)
ซึ่งการที่ใช้วิธีการแบบนี้ก็อาจทำให้ลูกจ้างบางคนพอใจ เพราะตัวลูกจ้างก็ถือซะว่าเป็นการหยุดยาวไปเลย อยากจะไปทำอะไรก็ไปทำ อยากจะไปทำอาชีพเสริมอิสระอย่างอื่นในช่วงนี้ได้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็กลับมาทำงานตามเดิม
แต่สำหรับลูกจ้างบางคนก็อาจไม่ถูกใจนัก เพราะมันหมายถึงว่า ค่าจ้างที่ตัวเองได้รับนั้นก็ลดลงตามไปด้วย (และไม่รู้ด้วยว่าจะไปหารายได้อะไรมาเสริมแทน) แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเห็นใจนายจ้าง ไม่ใช่ว่าเคยได้ค่าจ้างแบบไหนก็ต้องได้แบบนั้นตลอด (อย่าลืมว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ว่าจะทั้งในและต่างประเทศ ก็ทำให้ลูกจ้างบางส่วนถูกเลิกจ้างไป ส่วนลูกจ้างที่ยังอยู่ได้ก็อย่าได้ประมาท)
เพราะถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่มีนายจ้างคนไหนหรอกนะที่อยากจะทำแบบนี้กับลูกจ้าง (ถ้าหากมันไม่ถึงขั้นที่จำเป็นต้องทำ) เพราะตัวนายจ้างก็ต้องอยากให้กิจการของตัวเองดำเนินไปได้ด้วยดีเหมือนในอดีต ถึงจะมีอุปสรรคอะไรก็สามารถแก้ไขได้ทันที

ท้ายสุด ผมก็ต้องบอกว่าวิธีการนี้เป็นเพียงวิธีนึงเท่านั้นสำหรับนายจ้างที่จะประคองกิจการให้อยู่รอด และก็ต้องย้ำอีกทีว่าไม่ใช่นายจ้างทุกคนที่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับว่ากิจการของนายจ้างเป็นกิจการอะไรและได้รับผลกระทบมากแค่ไหน บางทีอาจมีวิธีการอื่นที่ดีกว่าตามที่ผมกล่าวก็เป็นได้
และแม้ว่าเราจะต้องเจอกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในขณะนี้ แต่เราก็หวังว่าในวันข้างหน้า (ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อใด) เราก็คงจะได้เจอสถานการณ์เศรษฐกิจที่สดใสอีกครั้งนึง : )

_________________
You must be logged in to post a comment.