ถ้าผมจำไม่ผิด เมื่อหลายปีก่อนก็เป็นกระแสที่ใครๆชอบที่อยากจะใส่รองเท้ายี่ห้อชื่อดังชื่อหนึ่งของญี่ปุ่น
ซึ่งยี่ห้อนั้นก็คือ Onitsuka Tiger นั่นเอง!!
และรุ่นที่เป็นที่นิยมสุด ก็ไม่ใช่รุ่นไหนนอกจากรุ่น MEXCIO 66 ที่มีจุดเด่นก็คือ มีลายตัดกันในส่วนที่เป็นด้านข้าง ดังที่เห็นในรูปล่าง

สำหรับรองเท้า Onitsuka Tiger ที่เห็นอยู่ในรูปนี้ ถือว่าเป็นรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกในชีวิตของผมที่ซื้อมาจากญี่ปุ่น ซึ่งรุ่นนี้จะเป็น MEXICO 66 SLIP-ON แบบที่ไม่ต้องมีเชือกผูก ทำให้สวมใส่ได้ง่ายและสบายเลย (ที่เห็นมีอยู่ข้างเดียว เพราะผมถ่ายมาจากชั้นวางในร้านนะ)
และรองเท้าคู่นี้ผมซื้อมาจากสาขา Roppongi Hills (ตัวร้านตั้งอยู่ใกล้ๆกับบันไดเลื่อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงก์นี้) มาเป็นเวลาหลายปี สาเหตุที่ผมไปซื้อที่สาขานี้ก็ไม่ใช่อะไร แค่บังเอิญเดินผ่านก็เจอ เลยตัดสินใจเข้าไปเลือกซื้อซะเลย เดี๋ยวกลัวจะไม่มีโอกาสผ่านมาอีก
มาถึงตรงนี้ ผมก็อยากจะเล่าเกี่ยวกับตอนที่ซื้อรองเท้า Onitsuka คู่นี้ซะหน่อย เพราะมันมีเรื่องตลกเกี่ยวกับการซื้อรองเท้าคู่นี้ในตอนนั้น : )
คือตอนนั้นผมจำได้ว่า เมื่อผมเดินเข้าไปในร้าน ผมก็เลือกดูรองเท้ารุ่นที่ผมคิดว่าผมชอบมากที่สุด แต่พอเลือกไปเลือกมามันก็มีอยู่หลายสีหลายแบบที่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาคู่ไหนดี (คือรุ่น MEXICO 66 มันมีหลายสีให้เลือกนะ) ทำให้ผมจึงตัดสินใจโทร LINE ไปหาญาติของผม (ที่รู้เรื่องรองเท้า Onitsuka Tiger เป็นอย่างดี) เพื่อที่จะให้เขาช่วยเลือกว่าผมควรจะซื้อคู่ไหนดี

และก็มาถึงจุดที่ผมบอกว่ามันตลก คือที่บอกว่ามันตลกก็คือ ผมต้องบอกกับพนักงานขายในร้านว่าเดี๋ยวผมขอออกไปโทรไปหาญาติผมเพื่อปรึกษาการเลือกซื้อรองเท้า ซึ่งทางพนักงานก็ไม่ได้ว่าอะไร และผมจะต้องเดินออกจากร้านเพื่อไปหาจุดบริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi อยู่ใกล้ๆ
ตรงนี้เอง บางคนก็อาจจะเริ่มสงสัยว่า…..
“แล้วทำไมผมถึงต้องเดินออกจากร้านไปหาจุดบริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi อยู่ใกล้ๆ????”
คำตอบก็คือ ตอนนั้นที่ผมไปญี่ปุ่น ผมไม่ได้มี SIM Card ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตในตัว หรือไม่ได้มี Pocket Wi-Fi พกไปด้วย (คือคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นประจำก็น่าจะต้องคุ้นเคยกับการที่ต้องซื้อ SIM Card ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตในตัว เพื่อที่จะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตบน Smartphone ได้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องไปหาจุดบริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi บริการ) ซึ่งในตอนนั้นผมก็คิดว่าอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้เท่าไหร่ ถ้าจะใช้ก็แค่เดินไปหาจุดที่มี Wi-Fi ก็แค่นั้น (ที่ญี่ปุ่นสามารถหาจุดที่มีสัญญาณ Wi-Fi ได้ไม่ยากตามในเมือง)
มันก็เลยทำให้วันนั้นของการซื้อรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกของผม เป็นวันที่ผมต้องเดินเข้าออกจากร้านหลายรอบ เพียงเพราะแค่ที่จะหาจุดที่มีสัญญาณ Wi-Fi ใกล้ๆ เพื่อโทร LINE หาญาติของผมเพื่อที่จะปรึกษาว่าผมควรจะซื้อสีไหนดี แค่นั้นเอง (คือไม่ใช่โทรคุยครั้งเดียว แต่เป็นการโทรคุยกันหลายรอบ)
คือใครที่นึกภาพออก ก็คงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร และคงจะรู้ถึงความเหนื่อยของผมที่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบนะ !0__0!

และท้ายสุด ด้วยความช่วยเหลือของญาติของผม ผมก็สามารถซื้อรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกในชีวิตของผมได้ซะที ซึ่งก็เป็นไปตามที่เห็นในรูปแรก อีกทั้งผมก็ต้องขอบคุณพนักงานขายในร้านคนนั้นที่เข้าใจว่าผมต้องเดินออกไปหาจุดที่มีสัญญาณ Wi-Fi ที่อยู่ใกล้ๆ เพียงแค่ผมไม่มี SIM Card ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตในตัว (จริงๆก็เป็นเหตุผลที่ตลกมากเลย)
จึงทำให้วันที่ผมได้ซื้อรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกของผมที่ซื้อจากญี่ปุ่นครั้งนั้นจะเป็นวันที่ผมจะจดจำเอาไว้ เพราะขั้นตอนในการซื้อมันทำให้ผมเหนื่อยมากๆและผมก็อยากจะขำตัวเองด้วยว่าทำไปได้อย่างไร
ซึ่งหลังจากนั้นผมก็คิดว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว สำหรับเรื่องที่ผมต้องเดินออกจากร้านเพื่อมาหาสัญญาณ Wi-Fi นะ เพราะทริปไปญี่ปุ่นในช่วงหลังๆ ผมก็จะเตรียมซื้อ SIM Card ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตในตัว จะได้ไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ตามที่ผมได้เล่ามา เล่าไปแล้ว มันก็ตลกจริงๆ XD!!
และส่วนตัวรองเท้า Onitsuka Tiger ที่ผมได้ซื้อมานั้น ผมก็ได้ใส่มาเป็นเวลานานมาก ซึ่งก็ยอมรับว่าต้องตัวรองเท้ามันทนจริงๆ (ผมใส่ทั้งไปเที่ยวและใส่ออกกำลังกาย) และผมก็ใส่ไปจนรองเท้าเริ่มมีรอยขาด และท้ายสุดผมก็เลิกที่จะใส่รองเท้าคู่นี้ เนื่องจากสภาพที่มีรอยขาด แต่ผมก็ยังเก็บไว้นะ อีกทั้งผมก็ถ่ายรูปให้ดูว่าสภาพของรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกที่ผมซื้อมีสภาพเป็นอย่างไรหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลาอันยาวนาน ตามนี้……

และแม้ว่าผมจะไม่ได้ใส่รองเท้าคู่นี้อีกแล้ว ผมก็ยังมีรองเท้า Onitsuka Tiger อีกหนึ่งคู่ที่ผมซื้อมาจากญี่ปุ่นมาเหมือนกัน (โดยไปซื้อตอนไปครั้งล่าสุดก่อนโควิด) ซึ่งก็เป็นรุ่น MEXICO 66 เหมือนกัน ต่างกันที่สีบนรองเท้าเท่านั้น
เอาเป็นว่านี่ก็เป็นความทรงจำดีๆที่ตลกอันหนึ่งของผมในวันที่ผมซื้อรองเท้า Onitsuka Tiger คู่แรกของผมจากญี่ปุ่น และความทรงจำนี้ผมก็จะไม่ลืมเลย : )
_______________________
You must be logged in to post a comment.