ส่งท้ายปีเก่า 2023 ต้อนรับปีใหม่ 2024 กับการปล่อยวางและการยอมรับความเป็นจริงกับเรื่องบางเรื่อง………..

อยากจะเริ่มต้นด้วยว่า……..

รู้สึกเฉยๆนะกับเทศกาลปีใหม่ 2024 ที่ใกล้จะมาถึงครั้งนี้

คือไม่ใช่ว่าผมเบื่อหรือไม่มีกะจิตกะใจอยากจะฉลองหรอกนะ เพียงแค่ว่ามองก็เหมือนแค่วันธรรมดาวันหนึ่งที่ผ่านพ้นๆไป เพียงแค่ว่าเปลี่ยนตัวเลขของปีจาก 2023 เป็น 2024 ก็เท่านั้นเอง

อาจจะเป็นผลพวงมาจากตัวผมเองที่ปีนี้ก็มีหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่ผมได้เผชิญในชีวิต จนไม่ได้ดูปฏิทินมากนัก กว่าจะรู้ และมองไปอีกทีก็ใกล้จะสิ้นปีแล้วนี่นา !0__0!

เอาเป็นว่า ผมจะพยายามที่จะไม่เขียนยาวมากนะสำหรับปีนี้ ผมจะเอาเท่าที่ผมอยากจะเขียนจริงๆ เพราะ ณ เวลาที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ ผมก็มีภาระงานอื่นที่ยังทำไม่เสร็จ แต่จะขอพักไว้ก่อน เพื่อที่จะมาเขียนบล็อกนี้นะ : )

อย่างที่น่าจะทราบกันแล้ว ถ้าใครได้อ่านที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อตอนส่งท้ายปี 2022 ที่ผ่านมา ก็คงจะรู้ว่าในปีนี้ (ปี 2023) จำนวนเรื่องต่างๆ (หรือจะเรียกบล็อกต่างๆของผม ซึ่งก็ไม่ผิด) ที่ผมได้เขียนในนี้ลดลงกว่าปีที่ผ่านๆมา อันเนื่องมาจากสุขภาพของผม (ที่ยังได้รับผลกระทบจาก Long Covid) และภาระหน้าที่ส่วนตัว รวมไปถึงงานอดิเรกอื่นๆที่ผมอยากลองทำบ้าง

ถึงแม้ว่าจำนวนเรื่องที่ผมเขียนในปีนี้จะน้อยลงจริง ทุกๆเรื่องที่ผมเขียน ผมก็เขียนด้วยความตั้งใจและจริงใจ และที่สำคัญทุกเรื่องไม่มีการใช้ AI ช่วยเขียนนะ : ) มาจากแรงกายและแรงใจของผมหมด (ไม่ว่าจะเรื่องจากญี่ปุ่นที่ไปเที่ยว, เรื่องเล่าต่างๆจากมุมมองของผม, รีวิวพรีเคียว หรือแม้แต่เรื่องเกี่ยวกับเตาแก๊สที่ผมเขียนเพียงเรื่องเดียวในปีนี้)

และในปีหน้าจำนวนเรื่องที่ผมจะเขียนก็อาจจะอยู่ในระดับเท่านี้เหมือนเดิม อย่างที่ผมเคยบอก สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ

สำหรับภาพรวมของเหตุการณ์ในปี 2023 จากมุมมองของผม โดยส่วนตัวผมมองว่าปีนี้น่าจะเรียกว่าเป็นปีที่หนักหนาสาหัสมากในเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย, ภาวะที่คนถูกเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก, กิจการปิดตัวลงไปเยอะ, เรื่องของการทำมาค้าขายสำหรับธุรกิจรายเล็กที่ต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่าอยู่ในสภาพที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นก็คือยอดขายที่ตกลงฮวบหนักมาก รวมไปถึงการปรับขึ้นราคาของสินค้าและบริการต่างๆที่เป็นพื้นฐานจำเป็นในการดำรงชีวิต

คือถ้าจะพูดแบบง่ายๆก็คือ ปี 2023 เป็นปีแห่งเศรษฐกิจถดถอย (ที่เป็นผลพวงสืบเนื่องจากโควิด) ที่ส่งผลกระทบกับผู้คนหลากหลายทั่วโลก รวมไปถึงตัวผมเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังพอโชคดีนิดนึงที่ผมเชื่อตามคำทำนายและบทวิเคราะห์ในเรื่องของเศรษฐกิจที่ถดถอยที่ผมเคยอ่านเจอเมื่อปีที่แล้ว เลยทำให้ผมไม่เจ็บตัวมาก อะไรที่ไม่จำเป็นและมันเสี่ยงก็อย่าเพิ่งไปทำ ส่วนอะไรที่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ก็ให้ถือซะว่าเป็นบทเรียนที่ไม่ควรจะลืม

ส่วนเรื่องเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก ถ้าไม่นับสถานการณ์โควิดที่ผมมองว่าแทบจะไม่ค่อยมีผลอะไรมากแล้ว (เมื่อเทียบกับตอนช่วงระบาดใหม่ๆ) ปีนี้ก็เป็นปีที่มีหลายเรื่องให้จับตามองในหลายๆประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองของแต่ละประเทศ, เรื่องสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ, เรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ, เรื่องแนวคิดต่างๆใหม่ๆที่เริ่มนำกันมาใช้ รวมไปถึงเรื่องของเทคโนโลยีที่ผมอยากจะเขียนถึงสักเล็กน้อย

โดยเฉพาะเรื่องของการมีบทบาทของ AI หรือที่เรียกกันเต็มๆว่า Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)

แม้คำว่า AI ผมจะเคยได้ยินมานานหลายปี (ตั้งแต่เคยได้ชมภาพยนตร์ Sci-Fi หรือตามสื่ออื่นๆ) และเคยคิดเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้ลองใช้บ้างหรือเปล่านะ ซึ่งสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้นก็ได้กลายเป็นจริงทันที เพราะกระแสของ AI เริ่มมีความนิยมมากตลอดทั้งปีนี้ ไม่ว่าจะใช้ในการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์, การอธิบายข้อมูล, การแก้โจทย์คณิตศาสตร์, การช่วยเหลือให้คำปรึกษา, การแต่งบทความหรือเรื่องสั้น หรือแม้แต่การวาดภาพ

โดยตัวผมเองก็ได้เริ่มทดลองใช้งานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ AI เมื่อสักช่วงกลางปี และผมอยากจะบอกว่าการทำงานของ AI จากที่ผมได้ลองใช้ไปนั้น ถือว่าใช้งานได้ดี แต่ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์นะ เพราะมันก็มีบางอย่างที่ AI ประมวลออกมาแล้วยังไม่ตรงกับตามที่ผมต้องการ ดังนั้นผมก็มองว่าแรงมนุษย์ก็ยังความจำเป็นอยู่

และถึงแม้ว่าในขณะนี้ ผมจะยังไม่ได้ใช้ A.I. เป็นแบบจริงจังมากจนถึงขั้นใช้ในการทำงานก็ตาม ผมคิดว่าในอนาคต AI น่าจะทำให้ผมทำงานได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อมันพัฒนาได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

วกกลับมาที่เรื่องส่วนตัวของผมบ้าง อย่างแรกปี 2023 ก็ถือว่าเป็นปีที่ผมได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากไม่ได้ไปมานานถึง 4 ปี ซึ่งผมก็ได้เขียนสรุปภาพรวมแบบคร่าวๆไปแล้วหลังจากที่ผมเพิ่งกลับมา อีกทั้งผมก็ได้เริ่มลงบางเรื่องไปแล้วบ้างจากทริปนี้ และผมก็ค่อยๆทยอยเอาเรื่องอื่นๆมาลงให้ได้อ่านกันในปีหน้าแบบไม่เร่งรีบ (โดยเฉพาะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งจะได้ทำเป็นครั้งแรกในทริปครั้งนี้ ก็คือการนั่งรถไฟสาย Hankyu) ส่วนเรื่องทริปญี่ปุ่นครั้งถัดไปของผมนั้น ก็ค่อยว่ากันในอนาคตเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

อีกทั้งเรื่องอื่นๆของผมในปีนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องสุขภาพ, เรื่องหน้าที่การงาน หรืองานอดิเรก ปีนี้ก็เป็นปีที่ผมต้องเป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งผมถือว่าจะได้เป็นการเรียนรู้เวลาที่จะต้องจัดการหรือทำธุระสำคัญอะไรก็ตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ผมไม่ขอเล่าถึงรายละเอียดตรงนี้ละกัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

และเรื่องอื่นๆของผมนอกเหนือจากนี้ ผมก็คิดว่าคงไม่มีอะไรที่อยากจะเขียนอีกจริงๆ จากความรู้สึกของผมในขณะนี้ (อย่างที่บอก พยายามไม่อยากจะเขียนยาวมากนะ เนื่องด้วยสุขภาพ)

เอาเป็นว่า ผมจะขอเขียนส่งท้ายปี 2023 ตรงนี้ว่า จากเหตุการณ์ต่างๆทั้งหมดที่ผมได้เผชิญในปีนี้ (ทั้งที่ผมได้กล่าวในนี้และที่ไม่ได้กล่าว) มันก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงการรู้จักปล่อยวางบ้าง ยอมรับความจริง และไม่ยึดถือติดกับเรื่องบางเรื่องมากจนเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องทางด้านเศรษฐกิจที่หลายคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

และในขณะเดียวกันเอง โลกของเราก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกใบนี้ (โดยเฉพาะในเรื่องของ AI ที่ผมได้กล่าวไป) ที่เราควรจะต้องตระหนักและให้ความสนใจบ้าง เพราะเราแต่ละคนก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนกับแต่ละคน

แต่จะดีไหม ถ้าหากเราเตรียมพร้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะได้ไม่ตื่นตระหนกตกใจและสามารถใช้ชีวิตเอาตัวรอดได้ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของเราที่ปรับตัวในการใช้ชีวิตตามยุคสมัยในอดีต

รวมไปถึงสิ่งที่ผมเคยได้เขียนไว้เมื่อตอนต้นปีและกลางปีที่ว่า เวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่หวนกลับคืนมาอีก และจำนวนเวลาที่เหลืออยู่ของแต่ละคนที่จะใช้ชีวิตก็จะค่อยๆน้อยลงๆ ดังนั้นอยากจะทำอะไรก็จงรีบทำ โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา

!Happy New Year 2024!

พบกันใหม่อีกทีในปี 2024 ครับ ที่จะเป็นอีกปีที่มีกุมภาพันธ์ 29 วัน : )