จากความสัมพันธ์ระหว่าง Mashiro กับ Battamonda ที่นำไปสู่การมองเห็นคุณค่าในตัวเอง จากตอนที่ 43 ของ Hirogaru Sky! Precure……

ก่อนที่ผมจะเขียนรีวิวตอนที่ 43 ของ Hirogaru Sky! Precure ขอบอกตรงนี้ว่าสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้อาจมีบางส่วนที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ด้วยความตั้งใจที่ว่าสิ่งที่ผมเขียนไปน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่อ่าน ดังนั้นโปรดอ่านด้วยความเข้าใจและความเห็นใจกันนะ : )

ซึ่งตรงนี้ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ 34 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่าง Mashiro กับ Battamonda ถ้าใครติดตามก็จะรู้ว่า Battamonda ได้หนีออกจากการเป็นสมาชิกของจักรวรรดิ Underg (หรือเปล่า?) และมาอาศัยอยู่ในห้องเช่าราคาถูกๆแห่งหนึ่งในเมือง Sorashido (อีกทั้งก็อยู่ติดกับห้องที่ Kabaton เช่าด้วย) และใช้พลังของตัวเองแปลงร่างให้เป็นมนุษย์โดยเรียกตัวเองว่า “Monda” อีกทั้งยังต้องหางาน Part-Time ทำไปในแต่ละวันเพื่อที่จะเลี้ยงชีพตัวเอง

**Screenshots ทั้งหลายที่เอามาเป็นลิขสิทธิ์ของ Toei Animation**

ด้วยความแค้นใจที่ไม่สามารถปราบเหล่าพรีเคียวได้ Battamonda จึงหาวิธีที่จะแก้แค้นด้วยการพุ่งเป้าหมายไปที่ Mashiro โดยตรง ซึ่งในตอนนั้นเธอมีความตั้งใจที่อยากจะเป็นนักวาดภาพประกอบหนังสือ และแม้ว่า Battamonda จะใช้คำพูดต่างๆในเชิงลบที่เหมือนกับเป็นการกดลงให้ Mashiro รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย กลับกลายเป็นว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการให้กำลังใจเธอและฉุกให้เธอคิดในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ อีกทั้งเธอก็ยังชื่นชมและให้กำลังใจ Battamonda อีกด้วย จนทำให้เขาเริ่มประหลาดใจ

กลับมาที่ตอนที่ 43 ซึ่งก็ถือว่าเป็นตอนที่น่าจะเรียกได้ว่ามีฉากที่ค่อนข้างสะเทือนใจ เมื่อ Battamonda (ในร่างมนุษย์) ได้ฉีกภาพวาดต้นฉบับของ Mashiro ที่เธอจะใช้เป็นผลงานในการส่งประกวดภาพวาดประกอบหนังสือ (เป็นครั้งที่สอง) จึงทำให้ Mashiro ช็อกและพูดไม่ออก สาเหตุก็มาจากที่ Battamonda ไม่พอใจกับเนื้อเรื่องของหนังสือภาพวาดที่ Mashiro ได้เขียน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับใบไม้ใบหนึ่งที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ และเธอก็ยังคิดไม่ออกว่าจะแต่งให้ตอนจบของเรื่องเป็นแบบไหน

ด้วยความไม่พอใจของ Battamonda ก็ทำให้ Mashiro ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา และแทนที่เธอจะรู้สึกโกรธไม่พอใจกับสิ่งที่ Battamonda ได้ทำลงไปนั้น เธอกลับรู้สึกสงสารและเห็นใจเขาเป็นอย่างมาก เพราะเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่สะสมอยู่ในใจของเขา อีกทั้ง Battamonda ยังได้ขโมย Mirage Pen ของเธอไปด้วย ซึ่งท้ายสุดก็ไปอยู่มือของ Skearhead ผู้ที่ได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ให้แก่ Battamonda ในการปราบเหล่าพรีเคียวเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหนและแข็งแกร่งแค่ไหน ซึ่งก็คือพลังมืดของ Underg

และท้ายสุด ด้วยคำพูดของ Mashiro ที่เตือนสติ Battamonda ให้มองเห็นคุณค่าในตัวเองโดยที่ไม่ต้องฟังจากคำตัดสินของคนอื่น (โดยเฉพาะ Skearhead) รวมไปถึงพลังใหม่ของเธอที่สร้างขึ้นมา นั่นก็คือ Prism Shine ที่ทำให้ Battamonda หลุดจากพลังมืดและกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งก็ยังขอบคุณ Mashiro ที่เธอได้ช่วยเหลือเขาไว้ รวมไปถึงขอโทษเธอในสิ่งที่เขาไปกระทำไปซึ่งรวมถึงตัว Sora ที่ท้ายสุดเธอก็ยกโทษให้เขาในเมื่อเขาสำนึกผิดในสิ่งที่ได้กระทำไปในอดีต (ถ้าใครไม่รู้ว่าคืออะไร ไปอ่านรีวิวตอนที่ 15 และตอนที่ 23 ที่ผมเคยเขียนไว้) ส่วนหนังสือนิทานภาพประกอบของ Mashiro ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง

มาถึงตรงนี้ สิ่งที่ผมกำลังจะเขียนต่อไปนี้ (ที่จะได้อ่านกัน) น่าจะสะท้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเราที่พบเห็นได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง, คนใกล้ชิด, เพื่อน หรือคนที่รู้จักกัน รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในข่าวที่เราได้เห็นกันจากสื่อต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะใช้ประโยชน์ได้จากการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ 43 ของ Hirogaru Sky! Precure

ซึ่งผมคงจะต้องเริ่มต้นด้วยการสรุปสั้นๆว่า ชีวิตของ Battamonda ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจจริงๆ

เพราะอย่างที่เห็น ชีวิตของเขาก็เจอกับคำดูถูกสารพัดจาก Skearhead และถูกมองว่าไร้ค่าไม่แข็งแกร่งพอ ด้วยคำพูดแบบว่า “มีแต่ความล้มเหลว”, “ไม่มีประโยชน์”, “ไม่ได้เรื่อง”, “ใจเสาะ” หรือ “เป็นคนไร้ค่า” อะไรแบบนี้

เลยทำให้ตัว Battamonda ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นตามที่ Skearhead บอก ก็เลยพยายามแสดงให้เหล่าพรีเคียวและคนที่เกี่ยวข้องเห็นว่าตัวเองก็แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่แน่จริง (โดยเฉพาะตอนที่ Sora สั่งให้เขาหยุดขยับ อย่าไปแตะต้องเจ้าหญิง Eru ในตอนที่ 15 รวมไปถึงตอนที่ 23 ที่ Mashiro เป็นคนออกคำสั่งให้หยุดเช่นกัน) และทำให้เขาไม่กล้ากลับไปที่จักรวรรดิ Underg อีกเลย จนกระทั่งมาเจอ Skearhead อีกครั้งหนึ่งภายหลัง

พูดง่ายๆก็คือ Battamonda ต้องการเป็นที่ยอมรับของคนอื่นๆ

และเมื่อ Battamonda ได้มาเจอ Mashiro แบบตัวต่อตัว แม้ว่าในตอนแรกเขาอยากจะแก้แค้นและหลอกเธอก็ตาม แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า Mashiro เป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาที่สอนให้เขารู้จักถึงการมองเห็นคุณค่าในตัวเองที่แท้จริง

ถ้าจะให้อธิบายความหมายที่แท้จริงของคำว่า “การมองเห็นคุณค่าในตัวเอง” นั้นมันเป็นอย่างไร ผมว่ามันก็ค่อนข้างยาก แต่ผมขอจะสรุปง่ายๆในความหมายของผม

“การมองเห็นคุณค่าในตัวเอง” ในความหมายของผมก็คือ การที่เราได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกมีความภูมิใจที่ได้ทำลงไป และสิ่งนั้นที่เราทำนั้นมีประโยชน์ในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งก็รวมไปถึงความพึงพอใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่ (อาจจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือคนอื่น, การใช้ทักษะพิเศษของเราที่คนอื่นไม่มี หรือแม้แต่การพัฒนาฝึกฝนตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆเป็นประจำ)

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในนี้ก็คือ กรณีของ Mashiro ที่เธออยากจะเป็นนักวาดภาพประกอบหนังสือนิทานที่สามารถส่งความนึกคิดของเธอให้กับคนอื่นๆผ่านภาพวาดและตัวอักษรจากหนังสือที่เธอเขียนขึ้น

ถ้าใครได้อ่านที่ผมเขียนรีวิวในตอนที่ 4 (ตอนที่ Mashiro แปลงร่างเป็น Cure Prism เป็นครั้งแรก) จะเห็นว่าในตอนนั้นตัว Mashiro เองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความฝันที่อยากจะเป็นอะไรหลังจากเรียนจบ เพราะคนอื่นๆรอบตัวเธอต่างก็มีความฝันและความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นในสิ่งที่แต่ละคนอยากจะเป็น ส่วนตัวเธอก็มีความลังเลไม่รู้จริงๆอยากจะเป็นอะไร ต้องลองถูกลองผิด จนกระทั่งเธอได้พบกับสิ่งที่เธออยากจะเป็น

ด้วยความตั้งใจของ Mashiro เธอก็อยากจะให้หนังสือนิทานภาพวาดของเธอเป็นตัวที่จุดประกายให้หลายๆคนได้มองเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านใบไม้ที่เป็นตัวเอกของเนื้อเรื่องที่มันร่วงหล่นออกจากต้นไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ที่เปรียบเหมือนกับความสิ้นหวัง, โศกเศร้าและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง) และแม้ว่าตัวใบไม้นี้จะไม่สามารถกลับไปอยู่กับเหล่าใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้ได้อีก ตัวมันก็ดีใจที่สามารถเป็นอิสระที่จะล่องลอยไปไหนมาไหนได้และได้สำรวจโลกใบนี้ที่ยิ่งใหญ่

และ Battamonda ก็เป็นคนหนึ่งที่ Mashiro อยากจะทำให้เขาได้เห็นถึงการมองเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านหนังสือนิทานภาพวาดเล่มนี้ อย่างน้อยตัวเขาก็รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำกับภาพวาดต้นฉบับของ Mashiro รวมไปถึงการยอมรับผิดกับสิ่งที่เคยทำไว้ในอดีตกับทีม Hirogaru Sky! จนได้รับการให้อภัยในที่สุด และหลังจากนี้เราไม่รู้ว่าชีวิตของ Battamonda จะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเขาก็คงไม่กลับไปทำอะไรที่ชั่วร้ายอีกแล้ว…….

เพราะเขาก็รู้แล้วว่ามีสิ่งอื่นๆที่รออยู่ข้างหน้าที่สามารถทำให้เขามองเห็นคุณค่าในตัวเองได้ : )

………..

ก็เป็นอันว่าเรื่องราวในส่วนของ Battamonda ก็จบลงด้วยดี เท่ากับว่าต่อจากนี้เนื้อเรื่องใน Hirogaru Sky! Precure ก็ใกล้เข้ามาถึงช่วงท้ายของซีรี่ส์แล้ว (นับจากตรงนี้ก็น่าจะอีก 7 ตอนกว่าซีรี่ส์จะจบในเดือนมกราคมปีหน้า) ซึ่งก็หนีไม่พ้นตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดินีของจักรวรรดิ Underg รวมไปถึงเรื่องราวที่มาของเจ้าหญิง Eru ว่าตกลงเธอเป็นใครกันแน่

อีกทั้งก็มีตัวละครอยู่คนหนึ่งที่ผมเริ่มมีความสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิ Underg หรือเปล่า (เพราะด้วยความสงสัย) แต่ผมจะไม่บอกตรงนี้ว่าตัวละครที่ผมหมายถึงนั้นเป็นใคร รอจนกว่าเนื้อเรื่องจะเปิดเผยแล้วค่อยมาดูว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกหรือไม่นะ (ถ้าใช่ก็ถือว่าเป็นการหักมุมของซีรี่ส์นี้แบบคาดไม่ถึงกันเลย)

__________________________________________