ด้วยความที่ว่าตอนที่ 15 ของ Hirogaru Sky! Precure มีประเด็นต่างๆอยู่หลายเรื่อง ซึ่งก็มีความต่อเนื่องจากตอนที่ 14 ด้วย ดังนั้นผมจะรีวิวและพูดถึงเฉพาะประเด็นสำคัญๆในตอน ซึ่งมันมีประเด็นอยู่ในฉากหนึ่งที่ผมสนใจมากสุดในส่วนท้าย
อันนี้ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ 14 ด้วย เพราะถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ก็คือเป็นตอนที่ Sora, เจ้าหญิง Eru และ Tsubasa ได้กลับมาที่ Sky Land พร้อมกับ Mashiro (ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้มาบ้านเกิดของ Sora) ซึ่งในส่วนผู้คนใน Sky Land ล้วนดีใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพระราชาและพระราชินีที่ได้เจ้าหญิง Eru กลับมาสู่อ้อมกอด
รวมไปถึงการที่ Sora ได้พบเจอกับคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อยังเป็นเด็กที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากเป็นฮีโร่ นั่นก็คือกัปตัน Shalala ผู้เป็นหัวหน้ากองพิทักษ์ Azure ของ Sky Land
**Screenshots ทั้งหลายที่เอามาเป็นลิขสิทธิ์ของ Toei Animation**

ซึ่งตรงนี้เราก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ Sora มาเยือนเมืองหลวงของ Sky Land ตั้งแต่แรกในตอนที่ 1 ก็เพื่อจะมาเป็นสมาชิกของกองพิทักษ์ของเมืองนั่นเอง และกัปตัน Shalala ก็ยินดีให้ Sora มาเป็นสมาชิกของกองพิทักษ์ด้วย (แม้ว่าสมาชิกรุ่นพี่คนหนึ่งที่มีชื่อว่า BeryBerie ดูจะไม่ยอมรับในตัว Sora ตั้งแต่แรกและมาขอดวลกัน แต่ท้ายสุดเธอก็ยอมรับ Sora พร้อมกับได้มาเป็นเพื่อนกัน) และจากนั้นเป็นต้นมา Sora ได้ร่วมภารกิจต่างๆในฐานะที่เป็นสมาชิกกองพิทักษ์ ไม่ว่าจะปราบเจ้า Ranborg ต่างๆ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาในตอนนั้นผ่านมากี่วันกันแน่ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นสัปดาห์) รวมไปถึงการช่วยเหลือกวางมูสที่ออกอาละวาดผู้คน ส่วนทางฝั่ง Mashiro เธอก็ได้ใช้ชีวิตและเรียนรู้ความเป็นอยู่ของผู้คนใน Sky Land
มองดูแล้ว จริงๆถ้าไม่มีสมาชิกจากจักรวรรดิ Underg มายุ่งอีก เหมือนกับตัวซีรี่ส์จะจบลงแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่นะ….
เพราะเมื่อถึงในวันที่ Mashiro เตรียมจะกลับบ้าน ก็มี Ranborg ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นใน Sky Land ด้วยฝีมือของ Battamonda สมาชิกอีกรายของจักรวรรดิ Underg (เดี๋ยวผมค่อยมาลงรายละเอียดเกี่ยวกับ Battamonda ผู้นี้ในส่วนท้ายนะ) ซึ่ง Ranborg ตัวนี้เป็นระเบิดเวลา โดย Battamonda ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าถ้าหากพระราชาและพระราชินีไม่ส่งตัวเจ้าหญิง Eru ให้ ทั้งเมืองของ Sky Land จะถูกระเบิดและปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
ด้วยความกล้าหาญและความเชื่อใจ กัปตัน Shalala จึงสั่งให้ Sora และ Mashiro ปราบเจ้า Ranborg ตัวนี้เหมือนที่เคยจัดการกับตัวก่อนๆ แต่เมื่อ Sora และ Mashiro เข้าไปปราบนั้นดูเหมือนจะไม่ง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้กัปตัน Shalala ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยการเข้าไปช่วย Sora และ Mashiro ปราบเจ้า Ranborg ตัวนี้

และการเข้าไปช่วยนี้เอง ก็ทำให้กัปตัน Shalala ถูกกลืนไปพร้อมกับพลังมืด (อันนี้เป็นตามที่ผมเข้าใจนะ) ทำให้ Sora ผู้เห็นกับตาเสียใจเป็นอย่างมากที่ฮีโร่ของเธอต้องมาพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้ ยิ่งไปกว่านี้ทางฝั่ง Battamonda ก็ได้พยายามอ้อนวอนขอตัวเจ้าหญิง Eru จากพระราชาและพระราชินีจนหมดความอดทน เลยทำให้ Battamonda ปล่อยพลังที่เป็นพิษที่ทำให้ทั้งพระราชาและพระราชินีตกอยู่ในอาการโคม่า
ด้วยเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหญิง Eru ก็ทำให้ Sora เข้ามาช่วยได้ทันและต้อนกดดัน Battamonda จนมุม จึงทำให้ Battamonda จำเป็นต้องหลบหนีไป
และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้พวก Sora จำเป็นต้องกลับไปที่บ้านของ Mashiro อีกครั้ง (ก็คือเมือง Sorashido) เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากคุณยาย Yoyo ที่จะหาทางรักษาพระราชาและพระราชินี รวมไปถึงพาเจ้าหญิง Eru ไปยังที่ปลอดภัย เพราะรู้ว่า Sky Land มีความเสี่ยงสูงเป็นอย่างมากที่จะมีโอกาสถูกลักพาตัว และเนื้อเรื่องในตอนก็จบเพียงเท่านี้
…….
ทีนี้ มาถึงประเด็นต่างๆที่ผมอยากจะพูดถึงจากในตอน….
ประเด็นแรก ก็คือความสัมพันธ์ระหว่าง Sora และกัปตัน Shalala ที่เกิดจากการที่ตัวกัปตันได้เข้าไปช่วยเหลือ Sora จากอันตรายเมื่อ 10 ปีก่อน (ตอน Sora อายุ 4 ขวบ) จึงทำให้ Sora ประทับใจในตัวกัปตัน Shalala ที่เป็นฮีโร่เลยทำให้เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากเป็นฮีโร่เหมือนกันอย่างที่เราได้เห็นตั้งแต่เริ่มซีรี่ส์ อีกทั้งพวกเขาก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในฐานะหัวหน้าและลูกน้องในทีมกองพิทักษ์
ซึ่งมองดูแล้วทางฝั่งกัปตันก็มีความภูมิใจ (และดีใจ) ในตัวของ Sora ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเป็นฮีโร่เหมือนกับเธอ ส่วนทางฝั่ง Sora เธอก็ให้ความเคารพและนับถือกัปตัน Shalala เหมือนเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่สามารถสอนสิ่งต่างๆที่เป็นแบบที่ดีหลายอย่างให้กับเธอได้ อย่างไรก็ตาม ก็น่าจะมีเรื่องราวอื่นๆที่คิดว่าน่าจะค่อยๆถูกเผยออกมาทีละนิดเกี่ยวกับตัวกัปตัน แต่สิ่งที่ผมทำนายก็คือในตอนจบของซีรี่ส์ ผมคิดว่า Sora อาจจะมาดำรงตำแหน่งแทนที่กัปตัน Shalala เมื่อถึงเวลาอันสมควร (ส่วนจะผิดจะถูกนั้น ค่อยลุ้นกันอีกที)

ประเด็นที่สอง ก็คือ Battamonda ผู้เป็นสมาชิกรายที่สองของจักรวรรดิ Underg ที่ปรากฏตัว แม้ว่าจะปรากฏตัวได้เพียงแค่สองตอน (ตั้งแต่ตอนที่ 14 หลังจากที่ Kabaton ถูกปราบและลาออกไปแล้ว) มันก็มีอะไรหลายอย่างที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับ Battamonda ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งถ้ามองจากภายนอก Battamonda อาจดูเหมือนคนที่ไม่ชอบโผงผางและไม่ชอบการปะทะโดยตรง (แต่ให้เจ้า Ranborg จัดการแทน)
แต่แท้จริงแล้ว Battamonda เป็นคนที่ชอบหลงตัวเอง,หยิ่งทระนงและชอบมองผู้อื่นต่ำต้อย รวมไปถึงมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ต่ำมาก (ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือการทำร้าย Tsubasa ต่อหน้าพระราชาและพระราชินี) อีกทั้งก็มีนิสัยที่ขี้ขลาดและไม่แน่จริงเมื่อจนตรอก และดูจากบุคลิกแล้วน่าจะมีเบื้องหลังอดีตที่เจ็บปวดและไม่กล้าแสดงออกมา (สังเกตจากรอยน้ำตาบนตาข้างขวา) เลยต้องเสแสร้งทำตัวเองให้ดูดีและข่มคนอื่นให้อยู่ต่ำกว่าแบบหน้าไหว้หลังหลอก (เป็นที่สังเกตว่าในซีรี่ส์นี้ เหล่าสมาชิกของกลุ่มวายร้ายจะปรากฏแค่สมาชิกทีละรายจนกว่าจะถูกปราบได้ แล้วสมาชิกถัดไปถึงค่อยปรากฏตัวแทนที่ ส่วนหัวหน้าของจักรวรรดิ Underg ก็ยังไม่ถูกเผยเลย มีเพียงแค่เสียงเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นผู้หญิง)

และประเด็นที่สาม ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ผมสนใจมากสุด ก็คือฉากที่ Sora รีบไปช่วยเหลือเจ้าหญิง Eru ไม่ให้ Battamonda ลักพาตัวไป สำหรับฉากนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นฉากที่สามารถทำให้ผู้ชมตีความหมายได้หลากหลาย ก็คือ Sora อยู่ในภาวะที่โกรธอย่างแรงมากกับสิ่งที่ Battamonda ได้ทำลงไป (ไม่ว่าจะเรียก Ranborg ออกมาจนทำให้กัปตัน Shalala ต้องเสียสละชีวิต, ทำให้พระราชาและพระราชินีต้องตกอยู่ในอาการโคม่า, ทำร้าย Tsubasa รวมไปถึงเตรียมพร้อมที่จะลักพาตัวเจ้าหญิง Eru) และสั่งห้ามไม่ให้ Battamonda ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทางฝ่าย Battamonda ตกใจเป็นอย่างมาก
ที่ผมบอกว่าฉากนี้สามารถตีความหมายได้หลากหลายก็เพราะว่า ในขณะที่ Sora สั่งห้าม Battamonda นั้น จะสังเกตได้ว่า แทบจะไม่มีการปรากฏใบหน้าเต็มของ Sora เลย (อย่างมากสุดก็แค่ปากถึงจมูก) แต่มีการเน้นในส่วนอื่นที่บอกให้รู้ได้ว่าฉากนี้มีความตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นการกำมือของ Sora อย่างแน่น, เท้าของ Sora (ท่ามกลางเศษกระจกที่แตกออกมาเป็นชิ้นๆ) ที่พร้อมจะจู่โจม Battamonda ตลอดเวลา รวมไปถึงสีหน้าที่ตกใจอย่างไม่คาดคิดของ Battamonda ที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ขี้ขลาดและไม่แน่จริง (คิดว่าคงไม่ได้แกล้งทำหรอกนะ)

ซึ่งตรงนี้ การตีความหมายในมุมมองของผมแบ่งได้เป็นสองความหมาย ก็คือ…
ความหมายแรก Sora กล้าที่จะจัดการ Battamonda แบบเด็ดขาดและไม่กลัวผลที่ตามมา ด้วยสายตาของเธอ (ที่ไม่เปิดเผย) ที่จ้องมองไปที่ Battamonda ที่อาจบอกได้ว่าฉันเอาจริงและไม่มีการอ่อนข้อใดๆทั้งสิ้น อยากลองลักพาตัวเจ้าหญิง Eru ก็ลองเลย
ส่วนความหมายที่สอง Sora มีความรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากเพราะเหตุการณ์ที่สูญเสียกัปตัน Shalala ไปก่อนหน้านี้ จึงทำให้เธอสูญเสียตัวตนไปชั่วขณะไม่เป็นตัวของตัวเอง และส่งผลทำให้เธอหุนหันพลันแล่นกล้าที่จะแสดงอะไรออกมาแบบที่เธอไม่เคยทำมาก่อน เหมือนกับว่าลุยไปเลยไม่ต้องคิด ซึ่งสามารถทำให้อีกฝ่ายหนึ่งคาดไม่ถึงได้ อย่างที่ Battamonda เห็นแล้วว่าไม่คุ้มกันที่จะเสี่ยง เดี๋ยวอาจจะทำให้เหตุการณ์ยิ่งบานปลายเข้าไปใหญ่ เลยตัดสินใจถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า
และนี่ก็เป็นการตีความหมายของฉากที่ว่านี้ได้ทั้งสองแบบ แต่ไม่ว่าจะมองแบบไหน Sora เองก็อาจจะต้องทบทวนพิจารณาว่าสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปนั้นมันสอดคล้องกับคำว่าการเป็นฮีโร่ตามที่กัปตัน Shalala บอกไว้หรือเปล่า? เพราะบางทีสิ่งที่เธอได้ทำลงไปนั้นก็อาจจะต้องให้เธอต้องมานึกเสียใจในภายหลัง ซึ่งในขณะนี้เราก็ยังไม่รู้รายละเอียดอยู่ดีว่า Sora คิดอะไรอยู่ ต้องรอติดตามในตอนถัดๆไป

แต่ที่น่าจะพอรู้อยู่แล้วก็คือ กัปตัน Shalala ก็จะกลับมาปรากฏอีกครั้งอย่างแน่นอน (เพราะเธอได้ทิ้งจดหมายให้กับ Sora ที่บอกว่าจงเข้มแข็งเอาไว้ แล้วเราจะได้พบกันอีก) ส่วนจะปรากฏตัวแบบไหนนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป
เอาเป็นว่าตอนสำคัญของ Hirogaru Sky! Precure ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากนี้สิ่งที่ผมรอคอยก็คือการปรากฏตัวครั้งแรกของ Cure Butterfly เนี่ยแหละ ซึ่งคาดว่าก็น่าจะอีกไม่นานนะ : )
__________________
You must be logged in to post a comment.