ดูภาพยนตร์ Precure (พรีเคียว) 24 เรื่องกันแบบฟรีๆที่ทาง Toei ใจดีลงให้ชมดูกันภายในช่วงเวลาที่จำกัดทาง YouTube!!!

เพื่อเป็นการต้อนรับการฉายภาพยนตร์พรีเคียวลำดับที่ 28 Precure Miracle Leap (映画プリキュアミラクルリープみんなとの不思議な1日) ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ต่างๆทั่วญี่ปุ่นในวันฉายวันใหม่ซึ่งก็คือ~~วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมที่จะถึงนี้~~ **เลื่อนฉายไปเป็นวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2020** (หลังจากที่ต้องเลื่อนฉายไปเพราะ Covid-19) ทาง Toei ก็ใจดีลงภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องต่างๆในอดีตทั้งหมด 24 เรื่อง (ตั้งแต่ Max Heart จนถึง Precure Super Stars!) ให้ชมดูกันทาง YouTube ช่อง Precure Official แบบฟรีๆไปเลย : )

สำหรับการชมดูภาพยนตร์พรีเคียวทาง YouTube นั้น ทาง Toei จะลงให้ดูได้สัปดาห์ละ 3 เรื่องพร้อมกัน ภายในช่วงเวลาที่จำกัดเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ตั้งแต่วันศุกร์ เวลา 18:00 จนถึงวันศุกร์ในสัปดาห์ถัดไป เวลา 17:59 ซึ่งเป็นเวลาในญี่ปุ่น (ถ้าเป็นเวลาในไทยจะช้ากว่าญี่ปุ่น 2 ชั่วโมง ก็จะเป็น 16:00 ถึง 15:59 อย่าลืมเช็คเวลาให้ดี)

(UPDATED Apr 2020: ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนเป็นต้นไป การชมภาพยนตร์พรีเคียวที่เหลือทั้งหมดจาก YouTube จะสามารถรับชมได้เฉพาะภายในญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะทางช่องน่าจะมีการ Lock Zone เอาไว้)

โดยสามารถดูรายละเอียดได้ว่าภาพยนตร์พรีเคียวแต่ละเรื่องจะออกฉายในช่วงวันใดบ้าง จากเว็บไซต์ของภาพยนตร์………

ยกตัวอย่าง: ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม เวลา 18:00 ถึง วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม เวลา 17:59 จะสามารถดูภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องต่างๆได้ดังต่อไปนี้:

– ภาค Futari Wa Precure Max Heart 2 เรื่อง

– ภาค Futari Wa Precure Splash Star 1 เรื่อง

ส่วนตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม เวลา 18:00 ถึง วันศุกร์ที่ 3 เมษายน เวลา 17:59 จะสามารถดูภาพยนตร์พรีเคียวเรื่องต่างๆได้ดังต่อไปนี้:

– ภาค Yes! Precure 5 1 เรื่อง

– ภาค Yes! Precure 5 GoGo! 1 เรื่อง

– Precure All Stars DX (พรีเคียวจากทุกภาครวมกันในปี 2009) 1 เรื่อง

………..

ไปเป็นแบบนี้จนจบ……..

ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแฟนๆพรีเคียวทั้งหลาย รวมถึงตัวผมเองที่จะได้ดูภาพยนตร์พรีเคียวทั้ง 24 เรื่องนี้กันแบบฟรีๆ ภายในช่วงเวลาที่จำกัด (แต่ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการดูนะ)

โดยเฉพาะเรื่องที่ผมยังไม่เคยได้ดูเลย ก็จะได้ดูในช่วงนี้แหละ ตั้งใจว่าจะดูทั้งภาคของ Yes! Precure 5 และ GoGo! รวมไปถึงบางเรื่องที่ผมเคยดูไปแล้ว ก็จะดูใหม่อีกทีละกัน (ไม่ว่าจะดูจากแผ่น DVD หรือ Blu-Ray รวมไปถึงบางเรื่องที่ผมเคยไปชมดูในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา) เพราะไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อเลย