คงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคนขายของในกรณีที่จำเป็นต้องส่งสินค้าที่มีค่าขนส่งในราคาที่สูงถ้าหากลูกค้ายินดีที่จะเป็นฝ่ายออกค่าขนส่งให้………

จริงๆเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรหรอกนะ และผมก็อยากจะพูดถึงเรื่องนี้นานแล้ว

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ COVID-19 ก็ทำให้ผมลืมเรื่องนี้ไป แต่ผมก็นึกขึ้นมาได้เพราะเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งจะเจอเมื่อไม่กี่วันมานี้……

เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าคนนึงที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน (ตั้งแต่ COVID-19 ระบาดเมื่อปีที่แล้ว) บอกว่าอยากจะให้ส่งสินค้าชิ้นนึงไปให้ทางขนส่งหน่อย

คือสำหรับเรื่องการส่งสินค้าผ่านขนส่งก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม เพราะผมเจอเรื่องนี้ก็แทบจะบ่อย แต่ก็ต้องแน่ใจว่าลูกค้าต้องโอนเงินค่าสินค้ามาให้แล้วนะ (จะโอนให้ก่อนส่งหรือหลังส่งก็ตาม แล้วแต่กรณี)

และแน่นอนว่าเมื่อมีการส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านขนส่งช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไปรษณีย์หรือบริษัทขนส่งเอกชนที่รับจัดส่งสินค้าให้ ก็ต้องมีค่าขนส่งด้วย

ซึ่งค่าขนส่งก็มีราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ขนาดและน้ำหนักของสินค้า รวมไปถึงระยะเวลาในการจัดส่งที่ผู้ให้บริการกำหนดเอาไว้

จากประสบการณ์ของผมในฐานะที่เป็นคนขายของ เวลาที่ผมขายของให้ลูกค้าแล้วใช้วิธีจัดส่งผ่านขนส่งนั้น ส่วนมากผมจะบวกค่าขนส่งรวมไว้ในราคาของสินค้าอยู่แล้ว (อันนี้ก็เป็นจิตวิทยาที่จะทำให้ลูกค้าอยากจะซื้อโดยไม่ต้องเสียค่าขนส่งเพิ่ม ทั้งที่มันก็รวมอยู่แล้วตั้งแต่แรก) แต่ก็มีบ้างที่ผมเป็นฝ่ายออกค่าขนส่งให้กับลูกค้าเพราะด้วยค่าขนส่งที่ราคาไม่แพงมาก หักลบออกแล้วก็ยังพอมีกำไรบ้างจากสินค้าที่ขายไป

แต่ถ้าหากว่าเราจำเป็นต้องส่งสินค้าที่มีค่าขนส่งในราคาที่สูงล่ะ???

จะทำอย่างไร????

สำหรับผม มันก็แล้วแต่ตัวสินค้านะ ซึ่งข้อสำคัญที่ผมจะนึกถึงเสมอคือ……

ค่าขนส่งที่มีราคาสูงมันเหมาะสมหรือเปล่าถ้าเทียบกับราคาของตัวสินค้าที่เราจะส่งไปให้ลูกค้า?? (เท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่)

ผมขอยกตัวอย่างละกัน…..

สมมุติว่าเรามีสินค้าตัวนึงที่ลูกค้าอยากจะให้เราส่งไปให้ ราคาอยู่ที่ 1000 บาท แต่พอมาคำนวณน้ำหนักและขนาดของสินค้าตัวนี้ (ที่หนักและค่อนข้างใหญ่) ทำให้ค่าจัดส่งอยู่ที่ 400 บาท (40% ของราคาสินค้า) ซึ่งถือว่าแพงมากๆ

เพราะบางทีค่าขนส่งที่ราคาสูงอาจไม่คุ้มถ้าเทียบกับราคาของสินค้าที่เราจะส่งไปให้ลูกค้า

หากผมเป็นคนขายสินค้าดังที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้น ผมก็คงไม่อยากจะส่งไปให้ลูกค้าหรอกนะ แทนที่จะได้กำไร ก็กลับกลายเป็นว่าขาดทุน เพราะค่าขนส่งที่ราคาสูงนั่นเอง (นี่ยังไม่รวมค่าเสียเวลา และต้นทุนของสินค้าอีก)

และยิ่งถ้าหากเราไปบอกลูกค้าว่า ถ้าจะให้จัดส่งก็ต้องจ่ายค่าขนส่งเพิ่มเติม ซึ่งก็อาจทำให้ลูกค้าไม่อยากที่จะซื้อก็ได้

พูดง่ายๆก็คือ มันไม่คุ้มที่จะทำนะ !+__=!

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันก็อาจไม่เป็นแบบนี้เสมอไปหรอก เพราะก็อาจมีลูกค้าบางคนยอมที่จะจ่ายค่าขนส่งในราคาที่สูงได้

อย่างกรณีลูกค้าของผม ที่ผมได้บอกไปตั้งแต่ต้น……

ก่อนที่จะเกิด COVID-19 ลูกค้าคนนี้มักจะขับรถมารับสินค้าด้วยตัวเองที่หน้าร้าน โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องใช้บริการขนส่ง

แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในขณะนี้ เขาจึงโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าให้ช่วยส่งสินค้า (แบบที่เขาเคยมารับเอง) ไปตามที่อยู่ของเขา อีกทั้งเขาจะออกค่าขนส่งให้ (ที่ราคาสูงมาก) ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเข้าใจถ้าหากผมเป็นฝ่ายออกค่าขนส่ง มันก็ไม่คุ้มกัน และยังบอกอีกว่า “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจสถานการณ์ในขณะนี้ ไว้ COVID-19 เบาลงเมื่อไหร่ พี่จะขับรถมาซื้อถึงที่เอง” พร้อมกับโอนเงินมาให้ล่วงหน้าก่อนที่ผมจะออกไปส่ง

เรียกว่าเป็นลูกค้าที่แสนดีจริงๆ !0__0!

ซึ่งสุดท้ายแล้ว ผมก็รีบเตรียมสินค้าตัวนี้ที่ลูกค้าคนนี้สั่งไว้ แล้วรีบขับรถตรงไปที่บริษัทขนส่ง เพื่อที่จะส่งไปให้ถึงมือของลูกค้าคนนี้ให้เร็วที่สุด (พอดีว่าเขาอยากจะได้ด่วนมากๆ)

หวังว่าเรื่องนี้ก็คงจะเป็นตัวอย่างศึกษาให้กับคนขายของในเรื่องของการใช้บริการขนส่งสินค้าที่มีค่าขนส่งในราคาที่สูง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคนขายของแต่ละรายว่ามันคุ้มหรือเปล่าที่จะออกค่าขนส่ง (ถ้าเทียบกับราคาของตัวสินค้า) แต่ถ้าหากลูกค้ายินดีที่จะเป็นฝ่ายออกค่าขนส่งให้ก็คงจะไม่เป็นปัญหานะ

____________________