เหตุผลส่วนตัว 4 ข้อของผม (ที่ง่ายๆ) ที่ชอบเลือกซื้อแผ่นซีดีเพลงตามร้านขายซีดีมือสองในญี่ปุ่น

นอกจากเรื่องความใส่ใจของพนักงานที่ร้านขายซีดีมือสองที่ทำให้ผมประทับใจนั้น ผมก็ต้องบอกตามตรงว่าการที่ผมชอบเข้าไปซื้อแผ่นซีดีเพลงที่ร้านขายซีดีมือสองเป็นประจำเวลาที่ไปญี่ปุ่นทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นร้านไหนก็ตามแต่ ก็มาจากเหตุผลส่วนตัวของผม 4 ข้อที่ผมอยากจะบอก เผื่อจะทำให้บางคนที่ไม่เคยคิดที่อยากจะซื้อแผ่นซีดีมือสองหันมาเปลี่ยนใจยอมกลับมาซื้อก็เป็นได้

ใครอยากจะรู้ มาดูกัน……

1. สภาพของตัวแผ่นซีดีรวมถึงกล่องใส่แทบจะเรียกว่าใหม่มากๆ จนดูไม่ออกเลยว่าเป็นแผ่นมือสอง

ต้องเรียกว่าสภาพของแผ่นซีดีที่ผมซื้อมาส่วนมาก ลักษณะของแผ่นนี่แทบเรียกว่าเหมือนกับถูกใช้งานน้อยมาก (หรือพูดง่ายๆก็คือคล้ายกับของใหม่ทุกประการ) ถ้าจะประเมินตามสภาพเทียบกับของใหม่ ผมให้ไปเลย 95 – 99%

และเวลาที่ผมเอาแผ่นซีดีมือสองไปเทียบกับแผ่นซีดีใหม่ที่เพิ่งถูกแกะออกมาจากห่อ ก็แทบไม่ค่อยเห็นถึงความแตกต่างเลย เพราะว่าคนญี่ปุ่นรักษาและทะนุถนอมแผ่นซีดีเป็นอย่างดี

จะมีน้อยมากๆที่ตัวแผ่นมีรอยนิดนึงหรือไม่ก็ตัวปกซีดีและส่วนอื่นๆที่มีรอยขาด (แต่ก็จะมีป้ายกำกับบอกด้วยว่าแผ่นนี้มีตำหนินิดนึงพร้อมกับราคาที่ถูกลงมา)

2. มีซีดีเพลงเก่าๆที่หลากหลาย (ที่ในร้านขายซีดีมือหนึ่งอาจไม่มี)

ถ้าใครชอบที่จะหาซื้อซีดีเพลงเก่าๆและไม่สามารถหาได้จากร้านขายซีดีมือหนึ่งละก็ ร้านขายซีดีมือสองอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเวลาที่ผมอยากจะหาซื้อซีดีเพลงเก่าๆ (ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวอะไรก็ตาม) ก็ต้องไปที่นี่ที่เดียว และเวลาที่ผมต้องการหาซื้อแผ่นซีดีอัลบั้มหรือซิงเกิ้ลไหนก็ตามแต่ ผมก็จะหาเจอแผ่นที่ต้องการได้เกือบทุกครั้ง แต่ก็มีบางครั้งที่ผมหาแล้วหาอีก แต่ก็ไม่เจอตามที่ต้องการ

โดยแนวเพลงที่ผมมักจะหาซื้อเป็นประจำก็เป็นแนวเพลงยุค 80 – 90 และรวมไปถึงเพลง Precure จากซีรี่ส์เก่าๆด้วย

(นี่ผมก็กำลังตามหาซื้อแผ่นซีดี Soundtrack Vol.1 ของ Heartcatch Precure! ตามร้านขายซีดีมือสองหลายร้าน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังหาไม่ได้เลย)

3. ราคาของซีดีบางแผ่นถูกมากๆ

อย่างที่ใครๆก็รู้กันว่าถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นร้านขายซีดีมือสอง ราคาก็ต้องย่อมถูกกว่าร้านขายซีดีมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนมากที่ผมเจอก็จะอยู่ที่ราคาตั้งแต่ 500 – 2500 เยน (ประมาณ 150 – 750 บาท)

แต่ยิ่งไปกว่านั้นจากประสบการณ์ที่ผมเข้าไปในร้านขายซีดีมือสองหลายร้าน ก็พบว่ามีซีดีเพลงบางแผ่นมีราคาที่ถูกมากๆ ส่วนมากจะเป็นเพลงต่างประเทศที่เป็นเพลงเก่าๆ แต่ก็ยังฟังกันได้อยู่และไม่ตกยุค อย่างที่ถูกสุดที่ผมเคยเจออยู่ที่ราคา 270 เยนเท่านั้นเอง !0__0! (ถ้าเทียบเป็นเงินบาทก็จะอยู่ที่ประมาณ 80 บาท)

4. สามารถทำการขอคืนภาษี (Tax Refund) ได้จากร้าน

เหมือนกับสินค้าอื่นๆที่นักท่องเที่ยวชอบซื้อ แผ่นซีดีมือสองเราก็สามารถที่จะขอคืนภาษีได้จากร้าน แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละร้านว่ามีอะไรบ้าง เช่น ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำเท่าไหร่บ้าง (ร้าน BOOK-OFF ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านที่เราสามารถทำการขอคืนภาษีได้) และก็อย่าลืมแสดง Passport ด้วยละกัน เวลาที่จะขอคืนภาษี

………………………………….

และด้วยเหตุผลส่วนตัว 4 ข้อนี้ของผม ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอ (ที่ง่ายๆ) สำหรับคนที่ยังลังเลว่าควรที่จะซื้อแผ่นซีดีเพลงจากร้านขายซีดีมือสองหรือไม่ อย่างน้อยเราก็สามารถที่ประหยัดเงินเยนไปได้เยอะเลย และที่สำคัญพอเราเปิดมาฟังจากเครื่องเล่นซีดีแล้ว ก็แทบไม่ต่างจากการฟังจากแผ่นซีดีมือหนึ่งเลย (อันนี้ก็รวมไปถึงแผ่นดีวีดีและแผ่นบลูเรย์มือสองด้วยนะ)

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบไปซื้อแผ่นซีดีตามร้านขายซีดีมือหนึ่งนะ เพราะผมก็ไปเป็นประจำเพื่อไปดูว่าเวลานั้นมีอัลบั้มและซิงเกิ้ลอะไรใหม่ที่ออกวางจำหน่ายบ้าง เพียงแต่ว่าถ้าไปซื้อตามร้านมือหนึ่งก็อาจได้รับของแถมเพิ่มตามโปรโมชั่นจัดรายการของแผ่นซีดีที่ซื้อไปจากทางร้าน (พูดง่ายๆคือผมชอบทั้งร้านขายซีดีมือหนึ่งและมือสองทั้งคู่เลย!!)

หวังว่าคนที่ชอบซื้อแผ่นซีดีมือสอง ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนจากร้านไหนก็ตามแต่ ก็คงจะหาซื้อแผ่นซีดีเพลงตามที่แต่ละคนต้องการได้ก็แล้วกัน : )